วันแรก 1 : ท่าอากาศยานดอนเมือง – ท่าอากาศยานอุบลราชธานี – ชมวิวเขื่อนสิรินธร – วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว (Unseen วัดเรืองแสง) - โขงเจียม แม่น้ำสองสี - พักโขงเจียม
- พร้อมกันที่จุดนัดหมาย ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคาร 2 ชั้น 3 ผู้โดยสารขาออกในประเทศเคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย ประตู 9-10 เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ
- เดินทางสู่ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี โดยสายการบิน AIR ASIA (FD) เที่ยวบินที่ FD3374
- ถึง ท่าอากาศยานอุบลราชธานี รับสัมภาระให้เรียบร้อย ไกด์จะรอต้อนรับท่านอยู่ด้านนอก นำท่านขึ้นรถตู้ปรับอากาศเดินทางสู่ร้านอาหารกลางวัน
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 1)
- นำท่านเดินทางไปจุดชมวิวเขื่อนสิรินธร เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาถ่ายรูปชมบรรยากาศกันอย่างมากมาย เขื่อนสิรินธรกำลังจะกลายเป็นแหล่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนรูปแบบใหม่ที่จะเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของ จ.อุบลราชธานี คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร ของ กฟผ.ที่จะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ให้นักท่องเที่ยว ได้มาสัมผัสการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแสนจะรักษ์โลกอย่างใกล้ชิด
- นำท่านเดินทางสู่ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว (Unseen วัดเรืองแสง) หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์ บริเวณยอดเขาจะมองเห็นอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า ด้านหลังของอุโบสถนั้นเป็นจิตรกรรมเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ ที่อยู่ด้านหลังของอุโบสถในเวลากลางคืน ซึ่งหากถ้าเราโชคดีจะได้พบกับดวงดาวรายล้อมไปกับอุโบสถเรืองแสงเพิ่มความงดงามตื่นตาใจ หากยิ่งมืดก็จะสามารถเห็นการเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์และดวงดาวได้ขัดเจนมากขึ้น ต้นกัลปพฤกษ์ที่เรืองแสงนั้นเป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้น คุณสมบัติของสารคือจะรับแสงพระอาทิตย์ในตอนกลางวันและปล่อยพลังงานออกมาในตอนกลางคืน ด้านหลังของอุโบสถจะมีวิวทิวทัศน์เป็นลุ่มแม่น้ำโขงสามารถเห็นวิวแม่น้ำโขงแล้วยังสามารถเห็นฝั่งของประเทศลาวสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โขงเจียมเมืองชายแดนเล็กๆริมแม่น้ำโขงที่มีความสวยงามทางนํ้าที่แปลกตา เป็นจุดบรรจบของแม่นํ้าโขงและแม่นํ้ามูลที่ไหลมารวมกันทำให้เกิดเป็นแม่นํ้าสองสีโดยแม่น้ำโขงจะเห็นเป็นสีขาวขุ่น ส่วนแม่น้ำมูลเห็นเป็นสีเขียวอมฟ้า จึงเป็นที่มาของวลี “โขงสีปูน มูลสีคราม” จุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสองสีได้อย่างชัดเจนคือ บริเวณลาดริมตลิ่งหน้าวัดโขงเจียม และบริเวณบางส่วนของหมู่บ้านห้วยหมาก ทั้งนี้เดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่เห็นความแตกต่างของสีน้ำได้ชัดเจนที่สุด
เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ที่ดึงดูดใครต่อใครมาเยี่ยมเยือนเขื่อนสิรินธร วันนี้กำลังจะกลายเป็นแหล่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนรูปแบบใหม่ที่จะเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของจังหวัดอุบลราชธานี นั่นก็คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร หรือโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดขนาดใหญ่แห่งแรกของไทย ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ที่จะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ให้นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ได้มาสัมผัสการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแสนจะรักษ์โลกอย่างใกล้ชิด หรือจะถ่ายรูปสุดอินเทรนด์กับพลังงานสะอาดอวดโลกโซเชียลได้ก่อนใคร โครงการแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานการผลิตไฟฟ้าระหว่าง “พลังงานแสงอาทิตย์” ร่วมกับ “พลังน้ำ” โดยโซลาร์เซลล์จะผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวัน และนำพลังน้ำมาเสริมในช่วงที่ความเข้มแสงไม่เพียงพอหรือในช่วงเวลากลางคืน ช่วยลดความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียนที่มักขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดย กฟผ. ยังได้เลือกวัสดุของแผงโซลาร์เซลล์และทุ่นลอยน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ที่สำคัญโครงการฯ ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
- วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
- สถานที่ทางศาสนา, สิรินธร อุบลราชธานี ไทย
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดีก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า อีกด้วย แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวบางท่านที่มาเก็บภาพความงดงามผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อย
- รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 2)
- หลังทานอาหารสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ที่พัก: โขงเจียมระดับ 3 ดาว
วันที่สอง 2 : โขงเจียม – ความทรงจำคาเฟ่ - อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ชมเสาเฉลียง ชมผาแต้ม – สามพันโบก (Unseen แกรนด์แคนยอนแม่น้ำโขง) - หาดทรายสูง – เขมราฐ - วัดบุ้งขี้เหล็ก - ถนนคนเดินเขมราฐ - พักเขมราฐ
- บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 3)
- นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติผาแต้มแวะความทรงจำคาเฟ่ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มติดแม่น้ำโขง อิสระให้ท่านชมวิวหรือนั่งจิบกาแฟกับบรรยากาศที่สวยงาม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีเนื้อที่ประมาณ 212,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและเนินเขา มีหน้าผาสูงชันหลายแห่ง สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง ลักษณะเป็นป่าโปร่ง ต้นไม้แคระแกร็น แต่มีความสวยงามตามธรรมชาติ พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง ประดู่ และเหมือดต่าง ๆ ส่วนพืชพื้นล่างจะเป็นพวกไผ่ป่า หญ้าต่าง ๆ และข่อยหิน นอกจากนี้ตามซอกลานหินทั่วไปยังมีไม้ดอกที่สวยงาม เช่น หยาดน้ำค้าง กระดุมเงิน มณีเทวา ฯลฯ ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากกระจายทั่วพื้นที่ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย นำท่านชม เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมเป็นเวลานับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ดูแปลกตายิ่งนัก ชม ผาแต้ม เป็นหน้าผาสูงชันที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม และยังเป็นจุดที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนที่แห่งใดในประเทศไทย นอกจากนี้บริเวณผนังหน้าผาด้านล่าง ยังปรากฏภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์เรียงรายอยู่ประมาณ 300 ภาพ ซึ่งทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินสำหรับลงไปชมไว้แล้ว
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 4)
- นำท่านเดินทางสู่สามพันโบก ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า อำเภอโพธิ์ไทร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ถูกแม่น้ำโขงกัดเซาะกลายเป็นแอ่งมากมายในช่วงฤดูน้ำหลากทุกๆปี ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดเป็นแอ่งมากมายมากกว่า 3,000 โบก คำว่า “โบก” หมายถึง “แอ่ง” หรือ “บ่อน้ำลึก” สามพันโบกจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งยามที่แม่น้ำโขงลดระดับลง ตั้งแต่เดือนธันวาคม-พฤษภาคม ชาวบ้านเรียกว่า แกรนด์แคนยอนน้ำโขง และฝั่งตรงข้างที่ห่างไปไม่กี่เมตรก็เป็นฝั่งของประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศลาว นอกจากจะได้เห็นความงามของธรรมชาติแล้ว ยังได้เห็นวิถีชีวิตของการอยู่ร่วมกันระหว่างชาวไทยและชาวลาวริมฝั่งโขงด้วย พื้นที่ของสามพันโบกกว้างหลายตารางกิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะปีนป่ายไปตามโขดหินรูปร่างประหลาดต่างๆ ไฮไลท์อยู่บริเวณที่เรียกว่าหินหัวสุนัข เพราะมีลักษณะเป็นผาหินสูงชัน จนได้รับสมญาว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย และลองให้ทุกท่านตามหาโบกมิกกี้เมาส์ จุดเช็คอินยอดฮิต
- จากนั้นนำท่านเดินทางไปถ่ายรูปชิคๆ สวยๆกันที่ หาดทรายสูง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในยามน้ำลดจะได้เห็นวิวสวยงามของแก่งหิน หาดทรายและสันดอนทรายสีขาวอมน้ำตาลไล่ระดับเป็นเนินสูง มีริ้วลายที่สวยงาม คล้ายทะเลทรายขนาดย่อม โดยหาดทรายจะโผล่พ้นน้ำประมาณเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม ช่วงที่ดีที่สุดคือตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน เรียกได้ว่าเป็นทะเลทรายริมโขง ที่สวยงาม อำเภอเขมราฐ เมืองสงบริมโขง ที่ยังคงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ตลอดสองฝั่งถนนเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าแก่ ร้านค้า ร้านกาแฟ มีความสวยงาม มีวิวแม่น้ำโขงให้ได้ดื่มด่ำไปกับพระอาทิตย์ขึ้นและตก เดินทางสู่วัดบุ่งขี้เหล็ก เป็นวัดเก่าแก่ในอำเภอเขมราฐ มีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามหลายจุด ที่โดดเด่น คือ เจดีย์ศรีอริยะเมตตรัยที่มีรูปทรงที่แปลกตาไม่เหมือนกับเจดีย์ทั่วไป ทาผนังด้านนอกด้วยสีทองตั้งโดดเด่นอยู่กลางวัด และลานพระขาว นำท่านมาสักการะและชมพระพุทธรูปปางมารวิชัยพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาว จำนวน 56 องค์ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเรียงกันอย่างสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ถนนคนเดินเขมราฐ ให้ท่านเดินเล่น ชมบรรยากาศ สัมผัสกับเสน่ห์เฉพาะตัวของบ้านไม้และร้านค้าเก่าแก่ริมโขงที่เรียบง่าย บางหลังอายุร่วม 200 ปี อิสระให้ท่านเดินชม ถ่ายรูป ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
- รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่ 5)
- หลังทานอาหารสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ที่พัก: เขมราฐ หรือเมืองใกล้เคียงกัน ระดับ 3 ดาว
วันที่สาม 3 : เขมราฐ - เมืองอุบล - วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์- ขัวน้อยบ้านชีทวน – บ้านปะอ่าว - บัวนาคาเฟ่ - วัดพระธาตุหนองบัว พญานาคสีรุ้ง พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ - ร้านของฝาก - ท่าอากาศยานอุบลราชธานี - ท่าอากาศยานดอนเมือง
- บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (มื้อที่ 6)
- นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองอุบล เดินทางสู่ วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ อยู่ที่บ้านชีทวน อ.เขื่องใน ภายในวัดมีธรรมาสน์สิงห์ศิลปะญวน ตั้งอยู่ในศาลาการเปรียญหรือหอแจกแบบอีสาน ธรรมมาสมีลักษณะเป็นรูปสิงห์ยืนเทินปราสาท สร้างด้วยอิฐถือปูน ยอดปราสาทเป็นเครื่องไม้เป็นชั้นลดหลั่น บนตัวธรรมาสน์สิงห์ประดับประดาด้วยกระจกสีต่าง ๆ อย่างสวยงาม สร้างขึ้นโดยช่างชาวญวน พระอุปัชฌาวงศ์ พรหมฺสโร และนายคำหมา แสงงาม ปัจจุบันธรรมมาสสิงห์นี้ใช้เป็นที่สำหรับให้พระสงฆ์นั่งเทศน์มหาชาติในงานบุญเดือน 4 หรือบุญผะเหวด หรือบุญมหาชาติ จากนั้นชมขัวน้อยบ้านชีทวน (ขัว=สะพาน) ที่สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสามเณรเดินข้ามไปบิณฑบาตและให้ผู้คนสองหมู่บ้านได้เดินทางไปมาหาสู่กัน ระหว่างบ้านชีทวน-บ้านหนองแคน เป็นสะพานที่ทอดยาวในทุ่งนา ให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศกลางทุ่งนา อย่างสวยงาม เดินทางสู่บ้านปะอ่าว เป็นหมู่บ้านเก่าแก่มากแห่งหนึ่งมีอายุกว่า200ปี และเป็นหมู่บ้านที่มีอาชีพการทำเครื่องทองเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์ประจำหมู่บ้านที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ในหมู่บ้านยังมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทองเหลืองและทอผ้าไหมที่สวยงาม ให้ท่านชมวิถีชีวิต วัฒนธรรม เลือกของฝากของOTOPตามอัธยาศัย
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)
- นำท่านเดินทางสู่ บัวนาคาเฟ่ แลนด์มาร์คใหม่ของอุบล ให้ท่านอิสระจิบกาแฟ ชมบัวไปกับธรรมชาติท่านสามารถชมความสวยงามของ ดอกบัวหลวงสีชมพูสลับขาว ที่กำลังบานสะพรั่ง ตัดกับสีเขียวชอุ่มของใบบัวได้ไกลสุดลูกหูลูกตาจุดเด่นของ บัวนาคาเฟ่ อยู่ตรงสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวผ่านสระบัว เหมาะแก่การเดินเล่น นั่งเล่น หรือถ่ายรูปกันเพลินๆตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่วัดพระธาตุหนองบัวเป็นวัดราษฎร์ นิกายธรรมยุต เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้น ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว ซึ่งทั้ง 4 มุม ของกำแพงแก้ว ได้ประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็กอีก 4 องค์ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือรูปปั้นฉัพยาปุตตะ หรือพญานาคสีรุ้ง หนึ่งใน 4 ของพญานาค 4 ตระกูล ซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จและเพิ่งทำการบวงสรวงไปเมื่อเร็วๆ นี้ ตามดำริของท่านเจ้าอาวาสที่ได้นิมิตเห็นงูใหญ่สีรุ้งมาอาศัยอยู่บริเวณวัดพระธาตุหนองบัวแห่งนี้นั่นเอง ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอุบลราชธานี
- จากนั้นนำท่านแวะร้านของฝาก อิสระให้ท่านเลือกซื้อของกลับบ้าน ของฝากกันตามอัธยาศัย ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เพื่อเช็คอินเตรียมตัวเดินทางกลับ กรุงเทพฯ
- เดินทางสู่ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยสายการบิน AIR ASIA (FD) เที่ยวบินที่ FD3373
- เดินทางถึง ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
- ค่ามัดจำท่านละ 3,000 THB
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
ยกเลิกก่อนการเดินทางตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป คืนเงินค่าทัวร์โดยหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
- แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางระหว่าง (>= AND <=) 15 ถึง 29 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการ 50 %
- แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางอย่างน้อย (>=) 15 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการทั้งหมด
อัตราค่าบริการนี้รวม
ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินไป-กลับพร้อมค่าภาษีสนามบินรายการทัวร์ข้างต้น ที่นั่งเป็นไปตามการจัดสรรของสายการ
น้ำหนักสัมภาระถือขึ้นเครื่อง Carry on 7 กิโลกรัม
ค่าที่พักห้องละ 2-3 ท่าน ตามโรงแรมที่ระบุไว้ในรายการ หรือ ระดับใกล้เคียงกัน
ค่าอาหารครบทุกมื้อ ตามที่ระบุในรายการ ทางบริษัทจึงขอสงวนสิทธิการเปลี่ยนแปลง
ค่าอาหารค่าเข้าชมและค่ายานพาหนะทุกชนิดตามที่ระบุไว้ในรายการทัวร์ข้างต้น
ค่ายานพาหนะนำเที่ยวตามรายการ
ค่าธรรมเนียมเข้าชมตามรายการที่ระบุสำหรับนักท่องเที่ยวไทย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
เจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยอานวยความสะดวกทุกท่านตลอดการเดินทาง
ค่าประกันอุบัติเหตุตามกรมธรรม์วงเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล ตามเงื่อนไขของบริษัทฯประกันภัยที่บริษัททำไว้(ไม่ครอบคลุมถึงสุขภาพ การเจ็บไข้ได้ป่วย)ทั้งนี้ย่อมอยู่ในข้อจำกัดที่มีการตกลงไว้กับบริษัทประกันชีวิต ทุกกรณี ต้องมีใบเสร็จ และมีเอกสารรับรองทางการแพทย์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเอง
ค่ามินิบาร์ในห้องพัก และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด เป็นต้น
ค่าประกันภัยธรรมชาติ และประกันชีวิตส่วนตัว และประกันสุขภาพ
ค่าอาหารที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ
ไม่รวมน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องกรณีต้องการชำระเพิ่มพร้อมค่าทัวร์
เพิ่ม 15 กิโลกรัม ราคา 480 บาท/เที่ยว
เพิ่ม 20 กิโลกรัม ราคา 510 บาท/เที่ยว
เพิ่ม 25 กิโลกรัม ราคา 650 บาท/เที่ยว
เพิ่ม 30 กิโลกรัม ราคา 1,020 บาท/เที่ยว
เพิ่ม 40 กิโลกรัม ราคา 1,260 บาท/เที่ยว
ค่าอาหารสำหรับท่านที่ทานเจ มังสวิรัติ และหรืออาหารสำหรับมุสลิม
ค่าทิปไกด์ ท่านละ 200 บาท
ชาวต่างชาติชำระเพิ่ม ท่านละ 800 บาท
หมายเหตุ
การเดินทางในแต่ละครั้งจะต้องมีผู้โดยสารขั้นต่ำ 9 ท่าน
รายการทัวร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ,การจราจร, การเดินทางช่วงเทศกาลหรือวันหยุดต่างๆ เป็นต้น โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยทางผู้จัดจะปรับเปลี่ยนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของท่านเป็นหลัก เพื่อให้ท่านท่องเที่ยวได้ครบถ้วนตามโปรแกรม
บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยไม่อาจแก้ไขได้
ขอสงวนสิทธิ์การเก็บค่าน้ามันและภาษีสนามบินทุกแห่งเพิ่มหากสายการบินมีการปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง
มัคคุเทศก์ พนักงานและตัวแทนของผู้จัด ไม่มีสิทธิในการให้คำสัญญาใด ๆ ทั้งสิ้นแทนผู้จัด นอกจากมีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของผู้จัดกำกับเท่านั้น
บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากยานพาหนะ การยกเลิกเที่ยวบิน การล่าช้าของสายการบิน ภัยธรรมชาติ การเมือง จลาจล ประท้วง คำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ และอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือ
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเที่ยวบิน โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอันเนื่องจากสาเหตุต่างๆ
กรณีผู้เดินทางต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ อาทิเช่น ใช้วิวแชร์กรุณาแจ้งบริษัทฯ อย่างน้อย 7วันก่อนการเดินทาง มิฉะนั้น บริษัทฯไม่สามารถจัดการได้ล่วงหน้าได้
บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, การเมือง, การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อการจลาจล, ภัยธรรมชาติ, การจราจรติดขัด
การควบคุมของทางบริษัท หรือค่าใช่จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรง หรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ