วันแรก 1 : กรุงเทพฯ – น่าน กรุงเทพฯ-น่าน
- คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย (จุดจอดรถ เดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก แยกรัชดา-ลาดพร้าว ฝั่งพระพิฆเนศ) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและเป็นไปตามมาตรฐาน SHA เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าเพื่อคัดกรองก่อนขึ้นรถ บนรถจะมีแอลกอฮอล์เจลล้างมือให้บริการ
- ออกเดินทางสู่ จังหวัดน่าน โดยรถตู้ปรับอากาศ
- ระหว่างทางบริการของว่างระหว่างการเดินทาง (มื้อที่1)
วันที่สอง 2 : ดอยเสมอดาว – เสาดินนาน้อย – อุโมงค์ลีลาวดี – วัดภูมินทร์ – วัดศรีมงคล – กาแฟบ้านไทลื้อ – วัดภูเก็ต – ถนนคนเดินปัว
- อิสระอาหารเช้า ณ จุดพักรถ จากนั้นนำท่านเปลี่ยนรถตู้ปรับอากาศในการท่องเที่ยว
- เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน นำท่านชมวิวธรรมชาติ ณ ดอยเสมอดาว และชมความงาม ผาหัวสิงห์ เป็นจุดชมทิวทัศน์บนยอดหน้าผาสูงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ 360 องศา
- จากนั้นนำท่านชมเสาดินนาน้อย และคอกเสือ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่สวยงามที่เกิดจากการทับถมของดินและเกิดน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นริ้วรายที่แปลกตา มีลักษณะเป็นหุบผาและแท่งดินผสมหินลูกรังสีแดงปนส้ม รูปทรงต่าง ๆ กันไป บ้างเป็นแท่งแหลม บ้างเป็นแท่งมนกลม คล้ายกับแพะเมืองผี ให้ท่านได้อิสระถ่ายรูปตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่วัดภูมินทร์ ให้ท่านชม ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดที่สร้างทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว โบสถ์และวิหาร สร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั้ง 4 ทิศ แกะสลักลวดลายงดงาม โดยฝีมือช่างเมืองน่าน
อุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ประมาณ 583,750 ไร่ หรือ 934 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเวียงสา อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เทือกเขาสลับซับซ้อนที่วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ ขนานกันทั้งทางทิศตะวันตก และตะวันออกแบ่งพื้นที่ออกเป็น ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก สองฝั่งแม่น้ำเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังใน เขตเทือกเขาประกอบด้วยป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าสนเขา พบสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น นกยูงซึ่งมี อยู่หลายฝูง เสือดาว เสือดำ หมี กวาง หมาป่า และหมาในมีสัตว์ป่าหลายชนิดที่สำคัญ คือ ช้างป่า วัวแดง และกระทิง ซึ่งจะอพยพไปมาระหว่างเขตติดต่อประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เสาดินนาน้อยและคอกเสือ เป็นแหล่งอารยธรรมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยธรรมชาติ โดยมีเสาดินขนาดใหญ่ยกตัวสูงขึ้นมาจากพื้นดิน คล้ายกับแพะเมืองผีที่จังหวัดแพร่ โดยเสาดินเหล่านี้เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำและฝนเป็นเวลาหลายพันปี จนเกิดมาเป็นประติมากรรมที่งดงามดั่งเช่นตอนนี้ สันนิษฐานว่าเสาดินนาน้อยมี อายุประมาณ 30,000-10,000 ปีและเคยเป็นก้นทะเลมาก่อน นอกจากนี้ยังค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่
วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นวัดสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน วัดมีลักษณะที่สำคัญคือโบสถ์และวิหารถูกสร้างเป็นอาคารเดียวกัน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เดิมชื่อ วัดพรหมมินทร์ ซึ่งเป็นพระนามของเจ้าเจตบุตรฯ ผู้สร้างวัด สันนิษฐานว่าในภายหลังได้เรียกชื่อกันเพี้ยนมาเป็นชื่อวัดภูมินทร์ในปัจจุบัน[2] ภาพของวัดเคยปรากฏบนธนบัตรไทยรุ่นที่ 2 ราคา 1 บาท
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่2)
- นำท่านเดินทางสู่ อุโมงค์ลีลาวดี เป็นซุ้มต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทมอยู่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่านที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ต้นไม้ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ถือเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกที่นึง ให้ท่านได้เก็บภาพ เช็คอิน ชมวิวทิวทัศน์ตลอดสองฝั่งข้างทาง จากนั้นนำท่านเดินทางชม วัดศรีมงคล (ก๋ง) ชมพิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังสี เรือนไทยล้านนาประยุกต์ วัดศรีมงคล (ก๋ง) เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 พระสงฆ์ที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้คือ หลวงปู่ก๋ง ด้านหลังวัดมีลานชมวิว ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงาม มองเห็นทุ่งนาเขียวขจี และทิวเขาของดอยภูคาเรียงรายสลับซับซ้อน
- นำท่านเข้าชิม กาแฟบ้านไทลื้อ อิสระชิมกาแฟ ณ ร้านกาแฟตั้งท่ามกลางทุ่งนาและขุนเขา ลักษณะบ้านแบบไทลื้อ มีมุมให้ท่านได้จิบเครื่องดื่ม และถ่ายรูป นอกจากนั้นท่านยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึก ผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหลลายโบราณซื้อเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน
- นำท่านเข้าชม วัดภูเก็ต โดยวัดตั้งชื่อตามหมู่บ้านชื่อว่า หมูบ้านเก็ต แต่ด้วยวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งทางเหนือ เรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อว่า "วัดภูเก็ต" หมายถึง วัดบ้านเก็ต วัดที่มีภูมิทัศน์และวิวที่สวยงาม โดยจุดเด่นของวัด คือ มีระเบียงชมวิวด้านหลังวัด ติด กับทุ่งนาที่กว้าง เป็นภูเขาวนอุทยานดอยภูคา มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรม ฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือ หลวงพ่อพุทธเมตตา" ที่ศักดิ์สิทธิ์ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก
- นำท่านชม ถนนคนเดินปัว ให้ท่านได้อิสระเลือกชม ของที่ระลึก อาหารและสินค้าของชาวเมืองน่าน ถนนคนเดินปัวจะเปิดทุกวันศุกร์และวันเสาร์ ภายในถนนนคนเดินมีลานขันโตกสำหรับไว้รับประทานอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของถนนคนเดินปัว พร้อมมีโชว์จากชาวบ้านที่สลับหมุนเวียนตลอดทั้งคืน ส่วนสิงที่มาถนนคนเดินนี้ ที่ต้องห้ามพลาด คือ ซุ้มรำวงย้อนยุค ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ถนนคนเดินแห่งนี้ให้คึกครื้นและประทับใจ
- ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
- สถานที่ท่องเที่ยว, เมืองน่าน น่าน ไทย
เสน่ห์แห่งความเนิบช้า และไลฟ์สไตล์การปั่นจักรยาน ดูจะสะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดน่านได้เป็นอย่างดี และอีก Signature ที่สำคัญคือ ภาพซุ้มต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทม บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงาม ที่เราชินตาจากภาพในต่างประเทศ เหมาะอย่างยิ่งที่จะปั่นเจ้าคันโปรดมาพักผ่อนลอดซุ้มบันทึกภาพสุดชิลล์ ซึ่งบรรยากาศของการเดินอยู่ใต้โถงต้นลีลาวดีแห่งนี้ ถูกยอมรับว่าสวยงาม และร่มรื่นติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว และเป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเก้บความภาพประทับใจอีกด้วย
มาถึงอำเภอปัว จังหวัดน่าน ต้องแวะมาจิบเครื่องดื่ม กาแฟ และจิบบรรยากาศสไตล์ไทลื้อพื้นบ้าน ที่ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ของร้านลำดวนผ้าทอ เป็นอีกหนึ่งร้าน เก๋ ไก๋ ติดริมนาข้าวแฝงไปด้วยบรรยากาศแบบไทลื้อดั้งเดิม เมื่อได้เห็นต้องร้องว้าวน่าซื้อเครื่องดื่มซักแก้ว ไปนั่งเล่น นอนเล่น รับลมเย็น มองดูวิวนาข้าวและขุนเขาที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมถ่ายภาพเช็คอินเก๋ เก๋ ยังกระท่อมปลายนาในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ตั้งอยู่ที่ ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เป็นร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอ ร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณ ชื่อดังแห่งปัว อำเภอปัวถือว่าเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออยู่มากที่สุดชาวไทลื้อมีประเพณีและวัฒนธรรมเป็นของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการแต่งกายแบบพื้นบ้าน ได้แก่ผ้าทอไทลื้อ นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอนี้ ผ้าทอส่วนใหญ่เมื่อทอมาแล้วก็มีการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน
“วัดภูเก็ต” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเก็ต อำเภอปัว จ.น่าน ซึ่งจริง ๆแล้วหมู่บ้านเก็ต เป็นหมู่บ้านชาวไทลื้อที่อพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา เมื่อประมาณ 200 กว่าปีที่แล้ว วัดภูเก็ตจึงมีสถาปัตยกรรมล้านนาร่วมสมัยและมีวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทลื้อผสมผสานอยู่ด้วย แน่นอนว่า signature ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือผ้าทอไทลื้อ หรือผ้าซิ่นลายน้ำไหลนั่นเอง ผมมีโอกาสได้ถามชาวบ้านที่นี่ว่าโดยปกติแล้วผ้าทอพวกนี้นำไปขายที่ไหน? ชาวบ้านบอกว่าผ้าทอที่นี่โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปขายประเทศญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่น่าชื่นชมมาก ๆเพราะสามารถนำหัตถกรรมพื้นบ้านมาหารายได้เข้าชุมชนและประเทศได้ ถ้าใครมาวัดภูเก็ตแล้วก็อย่าลืมแวะมาดูมาซื้อผ้าซินกันได้นะครับ
- เย็น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย ณ ถนนคนเดินปัว
- ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม... ปัว หรือเทียบเท่า
วันที่สาม 3 : ถนนลอยฟ้าดอยภูคา 1256 - จุดชมวิวดอยภูคา 1715 - บ้านสะปัน - บ่อเกลือสินเธาว์ - โค้งหมายเลข 3 - สุดกองดีคาเฟ่ - วัดพระธาตุเขาน้อย - ถนนคนเดินน่าน
- รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่3) ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านแวะถ่ายรูปและเช็คอินที่ ถนนลอยฟ้า 1256 สัมผัสธรรมชาติข้างทางเต็มไปด้วย ต้นไม้สีเขียว วิวที่มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนยาวสุดลูกหูลูกตา ชมวิวจุดชมวิวดอยภูคา 1715 จุดพักชมวิวที่สวยงาม สูงจากระดับน้ำทะเล 1715 เมตร มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน อยู่ถนนเส้นทางระหว่างปัว-บ่อเกลือ
- นำท่านเข้าชม หมู่บ้านสะปัน ชุมชนเล็กๆ แสนสงบ ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา มีลำธารไหลผ่าน และในช่วงหน้าฝนฤดูทำนา ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของนาข้าวเขียวขจี จากนั้นนำท่านเข้าชม บ่อเกลือสินเธาว์ แหล่งเกลือที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เมืองน่านเป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่ ส่งเป็นสินค้าออกในภาคเหนือ และแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ชุมชนผลิตไม่ได้ จากกองคาราวานจีนฮ่อจากยูนนาน กวางสี และมณฑลอื่น ๆ ในจีน โดยใช้เส้นทาง สิบสองปันนา
ถนนสวยเมืองไทย ทางหลวง 1256 "ถนนลอยฟ้า"น่าน พาสัมผัสไอหมอกหน้าฝน กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม โดยแขวงทางหลวงน่านที่ 2 เตรียมความพร้อมเส้นทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน ที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วงเดือนกันยายน - เดือนตุลาคม 2563 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 กรมทางหลวงขอแนะนำถนนสวยงาม ที่ติดอันดับความนิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนนี้ และเป็นที่ขนานนามว่า “ถนนลอยฟ้า” ถนนหุบเขาที่สวยที่สุดในประเทศไทย หรือทางหลวงหมายเลข 1256 ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน มุ่งสู่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยกรมทางหลวงดูแลเส้นทางให้พร้อมใช้งาน ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายระวัง และไฟกระพริบเพื่ออำนวยความปลอดภัย ปรับปรุงภูมิทัศน์สองข้างทาง อีกทั้งหมวดทางหลวงในพื้นที่ยังอำนวยความสะดวกห้องสุขา เครื่องดื่ม และให้บริการแนะนำเส้นทางแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
- บ้านสะปัน ชุมชนกลางหุบเขาสวย แหล่งโอโซนดีเยี่ยม
- สถานที่หมู่บ้าน, บ่อเกลือ น่าน ไทย
หมู่บ้านสะปัน หมู่บ้านเนินๆ ที่เมืองน่าน ตั้งอยู่ที่อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เป็นชุมชนเล็กๆ มีความเงียบสงบเหมาะแก่การไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขา ซึ่งมีลำน้ำว้าไหลผ่านยิ่งมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนจะได้เห็นทิวทัศน์ของทุ่งนาข้าวสีเขียวขจีและสายหมอกฟุ้งยามเช้า อากาศที่นี่เย็นสบายเหมาะจะชวนแฟนมานอนสวีทในบรรยากาศสบายๆ ที่พักที่นี่เน้นการอยู่ร่วมกับวิถีชีวิตของชาวน่าน พร้อมทั้งยังสร้างที่พักให้คงความเป็นกลิ่นอายของชุมชนแบบดั้งเดิมทำให้เราได้สัมผัสชีวิตของคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี ที่พักแต่ละที่ก็จะมีวิวที่แแตกต่างกันออกไปทั้งที่พักติดริมแม่น้ำ ที่พักบนเขาสูงเห็นวิวของทุ่งนาและโอบล้อมไปด้วยภูเขา และจุดชมวิวนาข้าวเป็นวิวที่สวยงามที่สุดของหมู่บ้านนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งพิกัดจะตั้งอยู่ใกล้กับสายหมอกบอกฮัก หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวช่วงฤดูฝนก็ไม่ควรพลาดไปชมวิวท้องนากับสายหมอกคลอเคลียที่นี่นะ
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่4)
- นำท่านชม โค้งหมายเลข 3 เป็นการสร้างถนนที่ลัดเลาะตามแนวธรรมชาติของเส้นทางนี้ หนึ่งเส้นทางที่สวยงาม และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการแวะถ่ายรูป จากนั้นแวะร้านคาเฟ่ประจำเมืองน่าน ร้านสุดกองดี ร้านที่เปิดมานานกว่า 10 ปี หากมาน่านแล้วไม่ได้เช็คอินถือว่ามาไม่ถึง ให้ท่านได้จิบกาแฟชมวิวริมน้ำน่านแบบ Slow Life ตามอัธยาศัย นำท่านขึ้นชมวิวเมืองน่านที่ วัดพระธาตุเขาน้อย วัดที่ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน ด้านบนมีองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ให้ท่านนมัสการพระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน อยู่เป็นพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่
ถนนลอยฟ้า โค้งเลข 3 จ.น่าน อยู่เส้นทางถนนหมายเลข 1081 เดินทางมาจาก อ.สันติสุข ไป อ.บ่อเกลือ คือทางที่จะไปบ่อเกลือจาก อ.เมืองน่าน จะมีอยู่ 2 เส้นหลักๆ ได้แก่ ถนนหมายเลข 101 ที่ผ่านหน้าสนามบินน่าน-อ.ท่าวังผา-ปัว จนไปถึง อ.บ่อเกลือ กับอีกเส้นทาง คือถนนหมายเลข 1169 แล้วไปเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 1081 ไปทาง อ.สันติสุข-บ่อเกลือ (เหมือนขับอ้อม อ.ท่าวังผาและ อ.ปัว ทีนี้ หากเพื่อนๆต้องการจะแวะถ่ายรูปและหาที่ท่องเที่ยวตามถนนเส้นนี้ ผมขอแนะนำว่าวันที่เราไปเที่ยว อ.ปัวหรือบ่อเกลือ เราก็ใช้ถนนหลัก(หมายเลข 101) แต่ขากลับเราค่อยเปลี่ยนมาใช้ถนนหมายเลข 1081 ซึ่งสามารถลงจาก อ.บ่อเกลือมาทาง อ.สันติสุขได้เลย เท่ากับว่า เราไม่ต้องกลับทางเดิมก็จะไม่เบื่ออีกด้วย ถนนลอยฟ้า ปัว-บ่อเกลือ-สันติสุข เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยงาม และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ระหว่างการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดน่าน นอกจากนี้ถนนเส้นนี้ยังมีจุดให้แวะเที่ยว แวะกินอีกหลายจุด
- เย็น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย ณ ถนนคนเดินปัว อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย ณ ถนนคนเดินน่าน
- ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม... น่าน หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ 4 : วัดมิ่งเมือง – ศาลหลักเมือง - พระธาตุช่อแฮ-วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ-กรุงเทพฯ
- รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่5) ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเข้าสู่ วัดมิ่งเมือง เสริมสิริมงคล ลักษณะเด่นของวัดคือมีลายปูนปั้นผนังด้านนอกของพระอุโบสถอันเป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสนนั้น ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสะท้อนวิถีชีวิตชาวเมืองน่านเขียนขึ้นจากฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน จากนั้นนำท่านสักการะ ศาลหลักเมือง อยู่ในศาลาจตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
- นำท่านเดินทางสู่จังหวัดพิษณุโลก
เสาหลักเมืองของจังหวัดน่านชาวพื้นเมืองจะเรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่ง หรือเสามิ่งเมือง สร้างขึ้นโดยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 57 โปรดให้ฝังเสาพระหลักเมืองน่านต้นปัจจุบันนี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2331 ณ สถานที่ที่ทรงเสี่ยงทาย คือที่ข้างวัดร้างเก่าซึ่งตั้งอยู่ห่างจากหอคำ (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน) โดยผู้รู้สันนิษฐานว่าวัดร้างนี้คือวัดห้วยไคร้ สมัยสุโขทัยแต่เดิมเสามิ่งเมืองมีลักษณะเป็นไม้สักทองขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 60 ซ.ม. สูงประมาณ 3 ม. หัวเสาเกลาเป็นรูปดอกบัวตูม ตัวเสาฝังลงกับพื้นโดยตรงไม่มีศาลครอบ จนกระทั่งในปี 2506 เมืองน่านได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำน่านไหลเข้าท่วมถึงเสามิ่งเมือง ตัวเสาอายุร้อยกว่าปีที่เริ่มผุกร่อนจึงโค่นล้มลง ต่อมาทางวัดมิ่งเมืองพร้อมด้วยพ่อค้าประชาชนชาวน่านจึงได้ร่วมกันนำเสามิ่งเมืองน่านต้นเดิมที่โค่นล้มลงนั้นมาเกลาแต่งใหม่ และสลักหัวเสาเป็นพระพรหมสี่หน้า รวมทั้งสร้างศาลทรงไทยจตุรมุขครอบเสามิ่งเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก ในครั้งนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีตั้งเสาหลักเมืองน่าน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2516
- รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่6)
- นำท่านเข้าสู่ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ นำท่านขอพร พระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวสองแคว เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวพิษณุโลกและชาวไทยทั้งประเทศ
- วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร(วัดใหญ่)
- สถานที่ทางศาสนา, เมืองพิษณุโลก พิษณุโลก ไทย
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในฐานะสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และประติมากรรมที่งดงามยิ่ง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม เพราะได้พบหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยมีความว่า พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ ... ส่วนในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า " ในราวพุทธศักราช ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่น ๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร ๔ ทิศ มีพระระเบียง ๒ ชั้นและทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง ๓ หลัง" ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2458 ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
- ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ
- เดินทางถึงกรุงเทพฯ ด้วยความประทับใจ
เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
ชำระค่าทัวร์ ชำระเต็ม เพื่อเป็นการยืนยันการจองจึงจะถือว่าได้ทำการสำรองที่นั่งเสร็จสมบูรณ์ โดยการโอนเงินเข้าทางธนาคารของบริษัทฯ ดังรายละเอียด
กรุณาส่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง ให้ทางบริษัทฯ ก่อนการเดินทาง 15 วัน เพื่อใช้สำหรับการใส่ชื่อตั๋วเครื่องบิน(สำหรับทัวร์เครื่องบิน) และการทำเอกสารประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
ยกเลิกการเดินทางตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป คืนเงินค่าทัวร์โดยหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-29 วัน ยึดเงิน 50% จากยอดที่ลูกค้าชำระมา และเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)
ยกเลิกการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ขอสงวนสิทธิ์ยึดเงินเต็มจำนวน
อัตราค่าบริการนี้รวม
รถตู้ปรับอากาศ ท่องเที่ยวตามรายการ
ค่าธรรมเนียมสถานที่ท่องเที่ยว ตามที่ระบุในรายการทัวร์
พาหนะท้องถิ่น(ถ้ามี) ตามที่ระบุในรายการทัวร์
มัคคุเทศก์ ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง (ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครอง กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท , ค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุ วงเงินไม่เกินท่านละ 500,000 บาท ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ ที่นอกเหนือรายการทัวร์ที่ระบุ อาทิ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่ารักษาพยาบาล (ในกรณีที่เกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัว)
ค่าใช้จ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว ที่เกิดจากผู้เดินทางเอง
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (เฉพาะในกรณีที่ต้องการใบกำกับภาษีเท่านั้น) (กรณีต้องการ รบกวนแจ้งก่อนทำการชำระเงิน)