วันแรก 1 : กรุงเทพฯ – อุทยานมหาราช – วัดธรรมามูลวรวิหาร – วัดปากคลองมะขามเฒ่า – วัดทรงเสวย – วัดโฆสิตาราม – เกษรา เบเกอรี่ สิงห์บุรี – กรุงเทพฯ
- คณะเดินทางพร้อมกันที่ ปั๊ม ปตท. ทีมงานคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระ
- ออกเดินทางสู่ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมบริการของว่างมื้อเช้า (1)
- จากนั้นนำท่านไปสักการะ หลวงปู่ทวด ณ อุทยานมหาราช เป็นรูปเหมือนสมเด็จหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด สร้างจากปูนหุ้มสัมฤทธิ์ เคลือบสีทอง นับได้ว่าเป็นรูปเหมือนพระสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดหน้าตักกว้าง 24 เมตร ความสูงรวมฐาน 51 เมตร
- แวะ ตลาดหลวงปู่ทวด บริเวณด้านหลังองค์หลวงปู่ทวด จะมีซุ้มเรียงรายกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกินที่มีให้เลือกมากมายนับไม่ถ้วน ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งที่เน้นไปในลักษณะโบราณ บ้างก็เป็นเพิงฟาง บ้างก็เป็นกระท่อมเล็ก ๆ มองแล้วก็ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ในละครย้อนยุคดี ๆ นี่เอง
พุทธอุทยานมหาราช แต่เดิม พื้นที่บริเวณนี้ในอดีต เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ "พุทธอุทยานมหาราช" ภายในบริเวณได้สร้างรูปเหมือนของพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้ตั้งชื่อโครงการเป็น “พุทธอุทยานมหาราช” เพื่อความเป็นสิริมงคลจากความตั้งใจของ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์ ร่วมกับคณะสงฆ์ ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการที่จะดำเนินโครงการให้สำเร็จ จึงได้ทำการซื้อที่ดินจำนวน 200 ไร่ เพื่อสร้างวัดและโรงเรียนในพื้นที่เดียวกัน และทางวัดตั้งใจว่าจัดโครงการนี้เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมชินีนาถ ปัจจุบันนี้ได้ตั้งเป็นวัดแล้ว ชื่อ “วัดวชิธรรมาราม” โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัตรักษาการเจ้าอาวาสรูปแรก
ตลาดน้ำหลวงปู่ทวด พุทธอุทยานมหาราช อยุธยา โครงการนี้ได้เริ่มต้นเมื่อปี 2013 โดยคณะสงฆ์และประชาชนในพื้นที่ร่วใจกันสร้างขึ้นมาโดยจะเห็นองค์หลวงปู่ทวดเด่นชัดด้วยขนาดที่สูงถึง 51 เมตร และหน้าตักกว้าง 24 เมตร ภายในโครงการจะมี ตลาดน้ำที่น่าเดินตกแต่งบรรยกาศได้สวยงามร่มรื่น จำหน่าย อาหาร ของที่ระลึก สินค้าโอทอป
- นำท่านไปสักการะหลวงพ่อธรรมจักร ณ วัดธรรมามูลวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น หลวงพ่อธรรมจักรได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เป็นศิลปะประยุกต์สมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับสมัยอยุธยาเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานรูปดอกบัว พระหัตถ์ขวาทรงยกขึ้นเสมอพระอุระหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ
เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชัยนาทมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลธรรมามูล ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร ใครก็ตามที่มาเยือนจังหวัดชัยนาทต้องแวะไปสักการะวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีมานานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ประทับบนฐานรูปดอกบัว งดงามด้วยศิลปะประยุกต์สมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับสมัยอยุธยา มีรูปพระธรรมจักรปรากฏอยู่กลางฝ่าพระหัตถ์เบื้องขวา ซึ่งคาดกันว่าเป็นความคิดของช่างสมัยนั้นที่ตั้งใจสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ให้มีเครื่องหมายแห่งมหาปุริสลักษณะ (หรือลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ ตามคติอินเดีย เช่น ในฝ่าเท้ามีจักรลักษณะ มีลายตาข่ายในฝ่ามือฝ่าเท้า ข้อเท้าเหมือนสังข์ที่ตั้งขึ้น คางเหมือนคางราชสีห์ เป็นต้น) โดยทุก ๆ ปีจะมีงานนมัสการหลวงพ่อธรรมจักรเป็นประจำปีละ 2 ครั้งคือวันขึ้น 4-8 ค่ำเดือน 6 และแรม 4-8 ค่ำ เดือน 11 ประวัติหลวงพ่อธรรมจักร เดิมทีมีพระพุทธรูปลอยน้ำตามแม่น้ำเจ้าพระยาในกาลก่อนพร้อมกัน 3 องค์ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา) หลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม) และหลวงพ่อธรรมจักร (วัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท) ซึ่งมีเพียงองค์เดียวคือ หลวงพ่อธรรมจักรนั้น ที่หยุดลอยอยู่หน้าวัดธรรมามูล จนพระภิกษุและชาวบ้านได้ทำพิธีอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัด ครั้งแรกใช้เชือกพร้อมด้ายสายสิญจน์ ผูกกับพระพุทธรูป แต่ไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ กระทั่งตกเย็นปรากฏเรื่องน่าอัศจรรย์เมื่อมีผู้พบเห็น พระพุทธรูปองค์ที่ลอยน้ำมานั้น กลับประดิษฐานปิดขวางทางเข้าประตูวิหารวัดธรรมามูล ชาวบ้านจึงเกิดความศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อธรรมจักรเป็นอย่างมาก และได้ร่วมกันต่อเติมพระวิหารขึ้น ในเวลาต่อมาจากคำบอกเล่าเมื่อองค์หลวงพ่อประดิษฐานอยู่ได้ 3 วัน ก็ได้หายไปจากพระวิหาร และกลับมาประดิษฐานดังเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีโคลนและจอกแหนติดเปื้อนมาด้วยชาวบ้านจึงนำโซ่มาผูกไว้ เพื่อไม่ให้หลวงพ่อหายไปอีก ต่อมามีชายต่างถิ่นล่องแพมาจากทางเหนือ เพื่อตามหาพระพุทธรูป เมื่อมาถึงวัดธรรมามูล จึงได้พระพุทธรูปที่กำลังตามหาอยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ ชายผู้นั้นจึงได้อาศัยนอนอยู่ที่วัด เพื่อรอเวลาอัญเชิญองค์พลวงพ่อกลับไปประดิษฐาน ณ วัดเดิมในเวลาเช้า แต่กลับฝันว่าหลวงพ่อไม่ขอกลับแต่จะขออยู่ที่วัดธรรมามูลวรวิหาร ครั้นรุ่งเช้าเขาจึงลาท่านสมภารเพื่อเดินทางกลับบ้าน และได้ขอถอดเอา "จักร" ที่ฝ่าพระหัตถ์องค์หลวงพ่อกลับไปด้วย นับแต่นั้นมาหลวงพ่อก็ไม่เคยหายไปไหนอีกเลย ชาวบ้านจึงได้นำโซ่ออกและได้ร่วมกันสร้าง "จักร" ขึ้นมาใหม่ โดยจัดงานสมโภชกันต่อเนื่องทุกปีจนถึงทุกวันนี้
- บริการอาหารกลางวัน (2) ณ ร้านครัวท่าลาก
- นำท่านไปสักการะ หลวงปู่ศุข ณ วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นวัดที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ ชื่อดัง เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ซึ่ง ก็ คือ พระครูวิมลคุณากร (ศุข) หรือที่ชาวบ้านรู้จักในนาม หลวงปู่ศุข ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ชื่อดังเป็นอาจารย์ของเสด็จใน กรมหลวงชุมพรเขตตุอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 บิดาแห่งกองทัพเรือ เป็นวัดเก่าแก่มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่ารื่นรมย์ และมีชื่อเสียงด้านพระเครื่องด้วย
- นำท่านไปสักการะ ส้มฉุน ณ วัดทรงเสวย ที่นี่จะมีชาวบ้านชาวช่อง แห่กันเดินทางมาที่ศาลาการเปรียญเพื่อนำสิ่งของทั้งอาหารหวานคาว ขนม นมเนย น้ำแดงและของเล่นเด็ก เสื้อผ้าต่างๆ ที่เป็นสีแดง มาถวาย ไอ้ส้มฉุน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อของชาวบ้านที่ได้สร้างรูปปั้นตั้งไว้บนศาลาแห่งนี้ เนื่องจาก หลวงปู่คล้อย เจ้าอาวาสองค์แรก ทั้งรักและเอ็นดูมาก ไอ้ส้มฉุน จะออกมาปรากฏให้ชาวบ้านเห็นอยู่ตลอด ที่ผ่านมามีคนมากราบไหว้ ขอโชคลาภแล้วสมหวังกันไปจำนวนมาก หลายงวดติดกัน
- นำท่านไปสักการะ หลวงพ่อกวย ณ วัดโฆสิตาราม สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2420 เดิมเป็นวัดร้าง ชื่อวัดขวิด ตั้งอยู่ในป่า หลวงพ่อกวยเป็นเจ้าอาวาสรูปที่๖ เหตุที่ชื่อวัดขวิด เพราะเนื่องจากทำเลเป็นที่ดอนเเละมีต้นมะขวิดขึ้นอยู่ เเต่คนเก่าๆเเก่เรียกวัดบ้านเเค ตามชื่อของหมู่บ้านคือบ้านเเค ต่อมาสมัยที่หลวงพ่อกวยเป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดโฆสิตาราม
- จากนั้นเชิญท่านเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย ณ เกษรา เบเกอรี่ สิงห์บุรี เค้กปลาช่อนที่เป็นรู้จักไปทั่วประเทศจากขนมหน้าตาแปลกๆแต่สร้างสรรค์จนปัจจุบันเค้กปลาช่อนกลายเป็นของฝากจังหวัดสิงห์บุรีที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก...จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ
- วัดปากคลองมะขามเฒ่า (วัดหลวงปู่ศุข)
- อนุสรณ์สถาน, วัดสิงห์ ชัยนาท ไทย
วัดปากคลองมะขามเฒ่า (วัดหลวงปู่ศุข) ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า (แม่น้ำท่าจีน) แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา สาเหตุที่เรียกว่า วัดปากคลองมะขามเฒ่า เนื่องจากเดิมมีต้นมะขามเก่าแก่อยู่ต้นหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่ารื่นรมย์ และมีชื่อเสียงด้านพระเครื่องด้วยหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วยตำนานที่ยังเล่าขานกันสืบมาในเรื่องของวิชาอาคมและเครื่องรางของขลัง ความนิยมในพระเครื่องหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่ายังมีอยู่สูงมากในปัจจุบัน แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 แต่ความเคารพศรัทธานั้นไม่เคยเสื่อมคลาย หลวงปู่ศุขยังได้สร้างพระเครื่องที่เรียกว่า หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งประชาชนนิยมนำไปสักการะบูชา หลวงปู่ศุขได้พัฒนาวัดปากคลองมะขามเฒ่าจนมีความเจริญรุ่งเรือง ด้วยความเมตตาของท่านนั้นทำให้มีลูกศิษย์ลูกหาอย่างมากมาย และท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้จนสิ้นอายุขัยด้วยวัย 76 พรรษา ปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่ายังมีกุฏิของท่านเป็นแบบทรงไทยโบราณ ภาพถ่ายและข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งและรูปหล่อของหลวงปู่ศุข พร้อมด้วยรูปหล่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไว้ให้เป็นที่สักการะบูชาโดยทั่วกัน สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ คือ ภาพเขียนฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ในพระอุโบสถติดอยู่ตามผนังเป็นภาพพุทธประวัติ ที่ทรงวาดร่วมกับข้าราชบริพาร ทั้งหมดเขียนด้วยอักษรขอมผนังด้านใต้มีภาพเขียนบอกเวลาที่เขียนไว้คือปี พ.ศ. 2433 เพื่อถวายหลวงปู่ศุข เมื่อครั้งสร้างพระอุโบสถซึ่งทางวัดยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ความเชื่อและวิธีการบูชาชาวจังหวัดชัยนาทและชาวไทยทั่วทุกสารทิศที่ศรัทธาในหลวงปู่ศุข เชื่อกันว่าบารมีของท่านจะช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรถึงวัดปากคลองมะขามเฒ่า มีความสุขสมความปรารถนา มีสิริมงคลต่อชีวิตและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และยังเชื่อในการบูชาเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข ว่าให้คุณทั้งในด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพัน
- ไอ้ส้มฉุน วัดทรงเสวย
- สถานที่ทางศาสนา, เมืองชัยนาท ชัยนาท ไทย
ตำนานไอ้สุ้มฉุน ตามประวัติที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมานั้น หลวงปู่คล้อยเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดทรงเสวย จ.ชัยนาท มีลูกศิษย์วัดคนโปรดอยุ่คนหนึ่งชื่อว่าเจ้าส้มฉุน เป็นเด็กกำพร้าที่หลวงปู่เก็บมาเลี้ยงไว้ จนอายุ 10 ขวบด้วยความซุกซนส้มฉุนได้แอบไปเล่นน้ำและเป็นตะคริวจนจมน้ำตาย และหลังจากนั้นเมื่อมีใครมาบวชใหม่ที่วัดนนี้ก็มักจะเจอเจ้าส้มฉุนมาช่วยเล่นด้วย ขอขนมกิน หรือดึงขาเวลานอนกันเป็นประจำ จึงได้มีการตั้งศาลและรูปปั้นแทนตัวของเจ้าส้มฉุนเอาไว้ กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถือมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครอยากมีลูก หรืออยากให้ลูกไม่ดื้อ ฉลาด เลี้ยงง่าย ให้มาขอพรกับเจ้าสมฉุน หรือจะมาขอพร ขอโชค ขอลาภก็ได้เช่นกัน
- วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค)
- สถานที่ทางศาสนา, สรรคบุรี ชัยนาท ไทย
คุณวิเศษของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร ๑ เป็นผู้มีลาภ หลวงพ่อเป็นพระที่อุดมลาภ ท่านได้ปฏิบัติตนเหมือนพระเวสสันดร, ปฏิบัติตนเหมือน พระสีวลีเถระ, เหมือน พระสังกัจจายน์ ชอบทำทานเป็นที่สุด และยังได้ติดต่อกับพระสิวลีได้ แม้ที่กระถางธูปท่าน ท่านก็ทำธงพระสิวลีบูชาอยู่ ท่านสวด คาถาบูชาทุกวัน ทำให้ท่านเป็นพระที่อุดมลาภ มีคนมาขอหวยท่าน ถ้าท่านเห็นว่าพอมีโชคลาภท่านจะเขียนให้ตรง ๆ เลย กับคน ใกล้ชิดกับท่านถ้าไปไหนด้วยกันถามท่านว่าเลขไหนดี ท่านจะบอกออกไปเลย แม้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านยังเขียนเลขไว้ในฝ่า มือ ถ้าใครมีโชคมีลาภมาเยี่ยมท่าน ท่านจะแบมือให้ดู แม้มรณภาพไปแล้ว ใครบูขารูปท่านอยู่ ขอโชคขอลาภจากท่าน ท่านให้ได้ จะให้เลย มีคนถูกหวยเพราะบูชารูปท่าน มีเป็นร้อยคน บางคนได้ส่งเงินมาทำบุญมูลนิธิ ตก ๑ หมื่นบาท เพราะถูกหวยจากการขอ พรท่าน มีคนถูกหวยกันมาก ชนิดไม่เคยมีปรากฎมาก่อน ผมเคยไปวัด มีคนมาแก้บนชื่อเรณู บ้านอยู่ทางวัดค้างคาว ถูกหวยติดต่อ กัน ๑๘ งวด เกี่ยวกับหารที่ท่านเป็นผู้อุดมลาภนี้ เมื่อมีคนบูชารูปท่านจะปรากฏว่ามีความสุข ความเจริญ ซื้อง่าย ขอยคล่อง สมกับ คำพรของท่านที่เคยให้แก่ศิษย์ไว้คือ "ขอให้อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา" ๒. เป็นผู้คงแก่เรียน หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบศึกษาค้นคว้า เรียนมามากไม่ว่าตำรายา, ตำรายันต์, คาถาอาคม เรียนมาแทบทุก แทบทุกยันต์ ปัจจุบันตำรายาของท่านที่ท่านเรียนเอาไว้ จดใส่สมุดเล่มหนา ๆ เอาไว้ตก เกือบ ๑ ร้อยเล่ม ตำรายันต์ต่าง ๆ มีเก็บไว้ เป็นตู้ จดเองกับมือ คาถายาว ๆ ท่องได้หมด เครื่องรางทำได้เกือบทุกชนิด ทำได้ขลังด้วย ไม่ว่าผลัดแหวนแขน, ตะกรุด, เชือก คาดเอว, ผ้ายันต์, กุมารทอง, รัก-ยมฯ วัตถุมงคลรุ่นแรก ๆ ท่านทำเองกับมือด้วย เช่นพระหินแกะ, กระเบื้องแกะ, กุมารทองกระ ดูกผีแกะ ท่นยังเคยทำ ตัว พ.พาน ที่ทำจากก้านธูปพันด้วยสายสิญจน์ มอบให้ศิษย์ใกล้ชิด คือหมอเฉลียว เดชมา, กับนายที ทำให้ ไว้คนละตัว เมื่อหมอเฉลียวถามท่านว่าหลวงพ่อทำเป็น น่าจะทำออกแจกมาก ๆ หลวงพ่อตอบว่า "เอาไว้ให้หลวงตาเย็น เอาไว้ สร้างโบสถ์มั่ง ไปทำซะหมดทุกอย่างได้อย่างไร" หลวงพ่อยังสามารถทำเตื่องรางของขลังได้อัศจรรย์ คือสามารถเตือนภัยได้ สิ่งนั้นคือ แหวนแขน สามารถเตือนภัยรัดแขนได้ ไม่ปรากฏมีมาก่อน สรุปได้คือ หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบศึกษาทางอาคมมาก ไม่ว่า วิชาตำรายา, ตำรายันต์, อาคม ที่ปรากฏชื่อของครูบาอาจารย์เข้าของยันต์ เจ้าของอาคม ที่มีอยู่เป็นหลักฐานยืนยันได้และเป็นที่รู้ จัก คือ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง, หลวงอิ่ม วัดหัวเขา, หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน, หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ฯ เฉพาะที่เป็นยันต์ต่าง ๆ กันภัย กันปืน, ค้าขาย, เมตตา, กันกระทำ, หายตัว, กัน ยมฑูต, กันเพลี้ย, กันหนอน, ยันต์ ปลุกให้ตื่น ฯ เฉพาะที่เป็นยันต์ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อเรียนมา มีหลายร้อยยันต์ท่านได้เขียนผ้ายันยัน ต์ เอาไว้ยันต์ละ ๑-๒ ผืน ได้ผ้ายันต์ถึงหลายร้อยผืน แม้แต่อาคมแปลก ๆ ท่านก็เรียนเอาไว้ ที่เด่นที่สุด คือ คนปวดหัว ปวดท้องถ้า ไปบอกท่าน ท่านจะเอามือบีบนิ้วโป้งท่าน ปรากฏว่าคนปวดหัวปวดท้องหาย คนจะออกลูก จะให้สามีปวดแทน ท่านก็ทำได้ นับว่า หาได้ยาก แม้วิชาชั้นสูงสุด เช่น ผูกหุ่นพยนต์เป็นสัตว์ต่าง ๆ เสกก้านกล้วยเป็นงูเขียว, วิชาเสือสมิง, วิชาแปลงร่างเป็น จระเข้หลวงพ่อก็ทำได้ ุ ๓. เป็นผู้มีดวงจิตมหัศจรรย์ หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาต่อศิษย์ต่อคนทั่วไป เมื่อหลวงพ่อฝึกจิต จนได้หูทิพย์, ตาทิพย์ เมื่อ ทราบว่าศิษย์หรือผู้เคารพนับถือ ตกทุกข์ได้ยาก เดือดร้อน ขอโชคขอลาภ เมื่อท่านทราบถ้าช่วยได้จะช่วยทันที ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่อง ใหญ่ เรื่องไกลเรื่องใกล้ หรือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าช่วยได้จะช่วยเลยไม่ลังเล ถ้าเป็นเรื่องดี เรื่องค้าเรื่องขายยิ่งชอบช่วย จิตของท่าน กว้างไกลมาก แม้อยู่ต่างประเทศก็ช่วยได้เคยมีศิษย์ของท่านไปรบที่ลาว ถูกล้อมอยู่ ท่านเคยถอดจิต เดินนำหน้าศิษย์ฝ่าวงล้อมออก ไปได้ เพียงแค่ร้องขอให้ท่านช่วย บางคนตัดรูปท่านในหนังสือเอาไปบูขา รูปไม่ได้ปลุกเสก ขอพรต่อท่าน ซื้อหวยถูกได้ บางคน ได้ขอพรต่อรูปท่านในหนังสือยังถูกหวยได้ บางคนก็ไปสมัครงาน เขารับวุฒิ ปวส. แต่ศิษย์ท่นจบวุฒิ ปวช. คือวุฒิต่ำกว่า ได้บอก เล่าท่านปรากฏว่าเขารับ ซึ่งแปลกมากทั้ง ๆที่วุฒิ ปวส. ก็มีตัวให้เลือก เรื่องจิตของท่านที่เมตตาศิษย์และคนทั่วไปนี้ เมื่อท่าน สร้างวัตถุมงคล ท่านจึงไม่มีข้อห้าม ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะดีหรือบ้า จะประกอบอาชีพอะไร ก็บูชาของท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นนัก ร้อง, ดารา, ผู้หญิงบาร์, หมอนวด หรือโสเภณี ใช้ได้หมด ผู้ชายจะเป็นเสือเป็นโจร หรือเป็นพวกรถไฟ, เรือเมล์, ลิเก, ตำรวจ, ก็ใช้ ได้ เพราะจะทำให้ผู้นั้นได้ประพฤติปฏิบัติเป็นคนดีขึ้นในเวลาต่อมา สรุปคือ หลวงพ่อเป็นผู้มีลาภ, มีวิชาดี, มีเครื่องรางดี, มีจิตดี การสร้างและการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบทำวัตถุมงคลเอง เช่นทำพระเนื้อดินเอง ทำพระเนื้อผงเอง มีความตั้งใจทำสูงมาก แม่พิมพ์พระสมเด็จ เป็นแม่พิมพ์ที่ใช้มือบีบเอง ทำทีละ ๑ องค์ ส่วนแม่พิมพ์พระเนื้อดินใช้แม่พิมพ์ดิน โดยมากใช้วิธีถอดพิมพ์จากของเก่า เคยมีศิษย์ ได้พระกรุ องค์ต้นแบบที่ใช้ถอดพิมพ์ เช่น พิมพ์สรรค์ ส่วนแม่พิมพ์ชนิดดิน เมื่อพิมพ์ ไม่ชัดเจน ท่านจะเก็บรวม ๆ ไว้กับพระชนิด ชัดเจนถ้าเป็นแม่พิมพ์พระสมเด็จท่านจะโยนลงสระน้ำ แม่พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ ๙ ใบ ด้านหน้าท่านตัดใจทิ้งไม่ได้ ได้ให้อาจารย์ ตั้วเก็บรักษาไว้ ปัจจุบันอาจารย์ตั้ว ก็ทำพระออกจำหน่ายพิมพ์ปรกโพธิ์ ๙ ใบ แต่เปลี่ยนยันต์ข้างหลัง คือแกะพิมพ์ใหม่ ส่วนแม่ พิมพ์เนื้อดินที่ไม่สวย มีหลายพิมพ์ หมอเฉลียว เดชมา เก็บรักษาไว้ ตะกรุด ท่านจะจารเองทุกดอก ม้วนเองทุกดอก ทำสายเอง บางดอกท่านจะถักหุ้มเอง ส่วนมีดยุคแรก ท่านตีเองกับพ่อแก่อุ้ยกับลูกเขย คือลุงคลี่ ยิ้มจันทร์ คนบ้านคู ยุคต่อมาเป็นช่างพยุหะ คือ พ่อแก่อุ้ยตาย มีดนี้ท่านใส่ด้ามเองทุกเล่ม แหวนแขน ท่านทำเอง ลงรักเอง ทำเองทุกวง ปลัดยุคแรก เป็นชนิดไม้ ท่านเหลาเอง จารเอง ยุคต่อมา เป็นตะกั่วนม ผสมเงิน ท่านสั่งทำบ้าง หล่อเองบ้าง จารบ้างๆไม่จารบ้าง วัตถุมงคล เช่น เหรียญรุ่น ๑,๒ รูปหล่อ บูชารุ่น ๑,๒ รูปหล่อเล็กรุ่น ๑,๒ ท่านดำเนินการเองทุกอย่าง ติดต่อช่างสั่งทำออกแบบ ยกเว้นเหรียญรุ่น ๓ ท่านให้ศิษย์ออกแบบ คือศิษย์เขาชอบโล่ฝรั่ง ส่วนรูปหล่อรุ่น ๒ ชนิดเล็ก ศิษย์ก็ดำเนินการเอง เขาชอบรูปหล่อฉีดเขาว่าสวยดี ส่วนผสมของพระเนื้อดิน จะผสมแร่วิเศษ และผงวิเศษของท่าน แต่พระเนื้อผงก็ผสมแร่วิเศษ และผงวิเศษเช่นกัน บางพิมพ์มีเกศาของท่าน, ของครู บาอา จารย์ของท่าน พระพิมพ์ปรกโพธิ์ ๙ ใบ มีเกศาผู้มีบุญสูงมากผสมอยู่ ส่วนแร่วิเศษนั้น ท่านมาเอาที่ดอนเจดีย์ ๑ แห่ง ท่านมาเอง, แต่ให้ศิษย์เป็นคนลงไปงมให้ ได้ที่เมืองเก่าสุโขทัย, ท่านมาเอาแร่ที่เหมืองแม่เแมาะ จ.ลำปาง ๑ แห่ง ขณะเหมืองปิดแล้ว ท่านได้ ไปพูดกับคนเฝ้าประตูเขาให้เข้าไป จัจจุบันแร่นี้ ยังมีอยู่ในตู้พิพิธภัณฑ์ ๒ ครั้งหลัง ท่านมากับหมอเฉลียว เดชมา ส่วนผงวิเศษนั้น ท่านทำเอง โดยใช้ดินสองพองผสมกับเครื่องยาที่ท่านปลูกเอง ปลุกเสกเอง รดน้ำด้วยอาคม แต่บางอย่างก็หาเอามา เครื่องยาที่ใช้ ทำผงดินสอ สำหรับทำผงปถมัง มีดอกเสน่ห์จันทร์ทั้ง ๕, ผักราชพฤกษ์เมล็ดมะกล่ำขาว ท่านปลูกเอง, ดีทั้ง ๕ มีดีงู, ดีไก่, ดีเต่า ฯ ดีนี้ท่านปลุกเอาไว้ ถ้าบ้านไหนเกิดอาเพศหนัก ๆ ท่านจะให้เอาไปแขวนไว้ในบ้านจะแก้ได้ ไม้คันทรง ท่านเอามาตีระฆังก่อน แล้ว ค่อยป่นผสมทำผงดินสอผสมกับเครื่องยาอีกหลายอย่าง ผู้เขียนดูไม่ออก ปัจจุบันเครื่องยาและแร่ ผมเก็บรักษาไว้จำนวนหนึ่ง ผสม กับดินสอพอง ซื้อจากสาวพรหมจารี หลวงพ่อทำผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงอิทธิเจ, ผงนะ ๑๐๘ ท่านทำเองหมด นอกจากผงของ ท่านยังมีผงของครูบาอาจารย์ของท่าน ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ พี่ชายหมอเฉลียว เดชมา มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ได้พักที่ วัดระฆังโฆสิตารามได้พบผงของสมเด็จโตประมาณ ๑ บาตร พระสมเด็จเกือบ ๑๐ องค์ ได้นำผงมาถวายหลวงพ่อพร้อมพระ สมเด็จ ๒ องค์ หลวงพ่อได้นำผงของสมเด็จโตผสมกับผงของท่านทำพระสมเด็จ เวลาผสมทำท่านชุมนุมเทวดาเชิญพระอรหันต์ ปรากฏว่าคนมากันเต็มไปหมด พระก็จะทำคนก็จะมามายุ่งไปหมด ท่านได้พูดว่า "ผงสมเด็จโตนี่ก็สำคญเหมือนกัน ผสมทำพระ ไม่ได้เลย คนคอยจะมา แต่กูซิชักจะรำคาญแลัวไม่เป็นอันทำอะไรได้เลย" เมื่อท่านเผลอ หนูก็คอยจะมากินผงท่าน แม้พระ ท่าน หนูก็ แทะกิน ค้างคาวก็มารุมกิน แม้เป็นสมเด็จแล้วมันก็แทะ ผมมีสมเด็จที่หนูอทะ ค้างคาวแทะเอาไว้ ๒-๓ องค์ สรุปคือพระ ของท่าน กันหนูและกันค้างคาวไม่ได้ เมื่อหนูกินผงของท่าน เด็กวัดเคยเอาเหล็กหมาด (เหล็กแหลม) แทงติดพื้นกระดานเลย แต่แท่งไม่เข้า นายทีเป็นคนแทง การปลุกเสกพระผง ท่านจะปลุกเสกด้วยคาถาหลักคือ ปริตมนต์ ปริตนี้เป็น มนต์ของพระพุทธ เจ้าโดยตรง แก้ โรคระบาดได้ แคล้วคลาดปลอดภัย กันผีปีศาจได้ แก้อาเพศอาพรรพณ์ได้ นอกนั้นก็ปลุกด้วยมนต์จินดามณีและอื่น ๆ เช่น มนต์แม่ธรณี มีพระพิมพ์หนึ่งคือ สมเด็จหลังรูปท่าน ทั้ง ๒ รุ่น ท่านผสมผงผีไว้ด้วย พระ ๒ รุ่นนี้ กำบังดี พระเนื้อดิน ท่านผสม ทรายเสกทุกรุ่น ทรายนี้ท่นปลุกเสกเอาไว้ กันผีกันวิญญาณได้ แคล้วคลาด พรางตาได้ เป็นกำแพงแก้วได้ มีดหมอ ท่าน บรรจุด้าม ด้วยผ้าแดงของอาราฬวกยักษ์ แร่อุกกาบาต, แผ่นยันต์, เกศา, ก้นบุหรี่, ผงฯ ท่านปลุกเสกด้วยอาวุธ ๕ อย่าง มงกุฏพระ พุทธเจ้าฯ แหวนแขน ท่านลงด้วยอิติปิโส ๘ ทิศ ลงคาถาฆะเตสิปลุกเสกสามารถรัดเตือนภัยได้ ตะกรุด ท่านลงไว้หลายยันต์ ผ้าประเจียด ก็เช่นกันท่านเคยพูดว่า ปลุกด้วยโองการมหาทหมื่น เหรียญ และรูปหล่อ ปลุกเสกด้วยมงกุฏพระพุทธเจ้า, นะโม ตาบอด และอื่น ๆ พระเครื่องก็ดี วัตถุมงคลก็ดี ท่านปลุกเสกเองทั้งหมด ไม่เคยทำพิธีแบบนิมนต์ หลวงพ่อ หลวงปู่องค์อื่นมาร่วม ปลุกเสก มีมนต์บท หนึ่งท่านต้องปลุกเสกลงไปทุกครั้ง คือมนต์พระกาฬ มนต์นี้ ใครทำไม่ดี คิดไม่ดีต่อผู้มีวัตถุมงคลของท่าน จะแพ้ภัยตัวเอง ท่าน จะสั่งศิษย์ใหล้ชิดของท่านไว้เสมอ ว่าอย่าเอาวัตถุมงคล ของท่านไปทดลองเดี๋ยวจะเข้าตัว เพราะท่าน ลง มนต์พระกาฬเอาไว้ ท่าน สั่งไว้อย่างหนัก เอาเป็นว่าใครเรียน มนต์นี้ จะพูดสิ่งไม่ดีไม่ได้เลย จะถึงกับวิบัติ พลัดพราก ฉิบหาย ตายโหง ทันตา อีกอย่างหนึ่งเวลาท่านปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านพูดว่าถ้าปลุกไม่ขึ้นท่านจะเรียกวิญญาณผีตายโหงเข้าช่วย ท่าน พูด กับอาจารย์ศรี นวล สำนักสงฆ์ทับนา อ.หันคา จ.ชัยนาท คาถาเรียกจิต ผีตายโหงขึ้นต้นด่วย "จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกังฯ คล้ายเรียก รัก-ยม " วิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลของท่าน ท่านจะปลุกเสกตามฤกษ์มงคลก่อนแล้วจังปลุกด้วยฤกษ์โจร ฤกษ์บุญ พญามาร คือ พระท่านนั้น คนดีก็ใช้ โจรก็ใช้ ท่านมีวิธีการปลุกที่ลึกซึ้งมาก ตำราบางเล่มผมเก็บรักษาไว้ ท่านจะปลุก เช้า สาย บ่าย เย็น หัวค่ำ เที่ยงคืน ค่อนสว่าง ท่านจะปลุกทุกวันเพื่อปัองกันคนซะตาขาดใช้ คือ จันทร์ถึงอาทิตย์ วันไหนวันอ่อน ยิ่งต้องปลุกเสกให้มาก วิธี การทำของหรือปลุกเสกของเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคือ กลางดึกนี้ ตรงกับไสยดำทุกอย่าง คือท่านกันเอาไว้ เพราะไสย ดำเขา จะทำตอน ๗ เวลานี้ คำพูดของท่านเกี่ยวกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดถึงสมเด็จหลังรูป ท่านพูดว่า "หลังรูป เก่งดี" ท่านพูดว่า "ปรกโพธิ์ ร่มเย็น อยู่ไหน ไม่มีใครรังเกียจ" ท่านพูดว่ามีดหมอถ้าบาดมือ ให้เอาด้ามฝนทำน้ำมนต์ทาจะหาย สำหรับการ สร้าง และปลุกเสกวัตถุมงคลของท่านเล่าได้ย่อ ๆ เพียงเท่านี้ ส่วนข้อห้ามในวัตถุมงคลของท่าน ห้ามด่าแม่ ห้ามเด็ดขาด
- เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพฯพร้อมความประทับใจ
เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
สำหรับการจองกรุณาชำระ เต็มจำนวน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนสำหรับผู้เดินทาง
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
- แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางอย่างน้อย (>=) 30 วัน เก็บค่ามัดจำ 5,000 THB
- แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางน้อยกว่า (<) 7 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการทั้งหมด
อัตราค่าบริการนี้รวม
ค่าพาหนะเดินทางตามโปรแกรม
ค่าอาหาร (2 มื้อ)
ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท(หากอายุ เกิน 70 ปีขึ้นไป ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง 50%) ค่ารักษาพยาบาลกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงิน ท่านละ 200,000 บาทตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
ค่าใช้จ่ายของมัคคุเทศก์ และเจ้าหน้าที่บริษัท ฯ ที่คอยอำนวยความสะดวกทุกท่านตลอดการเดินทาง
ค่าเข้าชม และ ค่ายานพาหนะทุกชนิด ตามที่ระบุไว้ในรายการทัวร์ข้างต้น
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรายการระบุ อาทิเช่น ค่าอาหาร – เครื่องดื่ม – ค่าซักรีด – ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
ค่าภาษีทุกรายการคิดจากยอดบริการ, ค่าภาษีเดินทาง(ถ้ามีการเรียกเก็บ)
ค่า Vat7% และ ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
หมายเหตุ
ขอสงวนสิทธิ์การเก็บค่าน้ำมันและภาษีสนามบินทุกแห่งเพิ่ม หากสายการบินมีการปรับขึ้นก่อนวัน เดินทาง
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเที่ยวบิน โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอันเนื่องจากสาเหตุต่างๆ
รายการและราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาวะอากาศ, การเมือง, สายการบิน และอัตราแลกเปลี่ยนโดยทางบริษัทฯ จะคำนึงถึงประโยชน์และความปลอดภัยของท่านเป็นสำคัญที่สุด
บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, ภัยธรรมชาติ, การยกเลิกเที่ยวบิน, การนัด หยุดงาน, การประท้วง, การก่อจลาจล ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯ
บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหาย อันเนื่องเกิดจากความประมาทของท่าน, เกิดจากการโจรกรรม และ อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
ตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วกรุ๊ปราคาพิเศษ หากท่านไม่เดินทางไปกลับพร้อมคณะไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่ สามารถนำมาเลื่อนวันเดินทาง หรือคืนเงินได้
เมื่อท่านตกลงชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับ เงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด
การเดินทางในแต่ละครั้งจะต้องมี ผู้โดยสารจำนวน 6 ท่านขึ้นไป สำหรับรถตู้ / ผู้โดยสารจำนวน 20 ท่านขึ้นไป สำหรับรถบัส ถ้าผู้โดยสารไม่ครบจำนวน ดังกล่าวทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาหรือเลื่อนการเดินทาง หรือยกเลิกการเดินทาง
ข้อควรทราบก่อนการเดินทาง
สิ่งที่ควรนำไปด้วย ยาประจำตัว, กล้องถ่ายรูป, อุปกรณ์กันแดด, ร่มพับ, ชุดสุภาพสำหรับเข้าวัด, รองเท้าที่สวมใส่สบาย