วันแรก 1 : กรุงเทพฯ • หาดใหญ่ • ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว • มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี • อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ • สตรีทอาร์ทเบตง • ถนนคนเดินเบตง
- พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการเวียตเจ็ทแอร์ ประตู 3 Viet Jet Air โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
- ออกเดินทางสู่ เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเที่ยวบิน VZ 320
- ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ รับสัมภาระ และออกเดินทางสู่ จ.ปัตตานี เสริมสิริมงคลกันในที่แรก ณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ้าของตำนานสุดคลาสสิกของปัตตานี โดยมีเรื่องเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเดินทางมาตามพี่ชายกลับไปดูแลแม่ที่บ้านเกิด แต่พี่ชายไม่กลับไป ลิ้มกอเหนี่ยวจึงผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมะพานต์ โดยภายในศาลมีความเชื่อกันว่าเราสามารถยืมเงินเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นขวัญถุงได้ เมื่อค้าขายได้กำไรงอกเงยให้นำเงินมาคืนเป็น 2 เท่า ของที่ได้ยืมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไป
- แวะถ่ายรูปกับ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ที่ถือว่ามีความสวยงามมากที่สุดของจังหวัด สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2497 ได้มีการวงศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม 2500 โดยพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ก่อนมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากทัชมาฮาล
- มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
- พิพิธภัณฑสถานทางประวัติศาสตร์, เมืองปัตตานี ปัตตานี ไทย
มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2497 โดยใช้พื้นที่บริเวณริมถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา ย่านตำบลอาเนาะรู กว้าง 3 ไร่ 55 ตารางวา ตามแนวคิดของรัฐบาลในสมัยนั้นที่ต้องการให้เกิดสันติสุขขึ้นในพื้นที่ห่างไกลที่มักมีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งจากสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่พัฒนาและความแตกต่างทางศาสนา โดยพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่6 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 และใช้เวลาก่อสร้างนาน 9 ปี เมื่อแล้วเสร็จจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 ให้ชื่อว่า “มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี และมอบเป็นของขวัญแก่ประชาชนชาวมุสลิมในพื้นที่
- บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
- จากนั้น พาท่านเดินทางสู่เบตง ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ระหว่างทางท่านจะได้เห็นทัศนีภาพที่มึความสวยงาม แปลกตาจากภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ ผ่าน อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่เป็นอุโมงค์รถยนต์ที่ลอดผ่านภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544
- พาท่านเดินชมเมืองเบตงซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่งาน ศิลปะแบบสตรีทอาร์ท ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆของเมือง ซึ่งมีลักษณะสวยงามคล้ายกับเมืองปีนังของมาเลเซีย และถนนฮาจิเลยของประเทศสิงคโปร์ ให้ท่านได้เก็บรูปเป็นที่ระลึกอย่างเต็มที่
- ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าพื้นถิ่นของเบตงที่ ถนนคนเดินเบตง ที่มีให้ท่านได้เลือกอย่างมากมายตลอดถนนรวมถึงมีของท่านเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลอง
- บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารเมนูไก่เบตง เคาหยก หมี่เบตง
- ที่พัก โรงแรมโมเดิร์นไทย / โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิลล์ / โรงแรม บัตเตอร์ฟลาย ปริ๊นเซส หรือเทียบเท่า
วันที่สอง 2 : จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง พร้อมขึ้น Skywalk • สะพานแตปูซู • อุโมงค์ปิยะมิตร • สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง • บ่อน้ำร้อนเบตง • ถ่ายรูปป้ายใต้สุดสยาม • วัดพุทธาธิวาส • ตู้ไปรษณีย์สูงใหญ่ที่สุดในโลก • หอนาฬิกาเบตง
- ออกเดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หนึ่งในสุดยอดวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูงราว 2,038ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล สุดพิเศษ!! พาท่านขึ้นสูง Skywalk อัยเยอร์เวง จุดชมวิวที่ดีที่สุดของเขาแห่งนี้ ที่ท่านจะได้สัมผัสความตระการตาแบบ 360 องศา รวมถึงยังเป็นสกายวอร์คที่ยาวที่สุดในอาเซียนอีกด้วย
- แวะถ่ายรูปที่ สะพานแตปูซู สะพานแขวนพื้นไม้ที่พาดผ่านแม่น้ำปัตตานี ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร ด้วยวิวรอบข้างนั้นมีธรรมชาติที่งดงามโอบล้อมไว้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกให้ได้
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ที่บริเวณ บ้านธารมะลิ ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จัดว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกสุดฮิตของเบตงเลยค่ะ ที่สำคัญคือมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปีเลยค่ะ เป็นทะเลหมอกขนาดใหญ่และสวยงามมากอีกด้วยค่ะ สามารถมองเห็นความสวยงามของยอดเขาไมโครเวฟได้แบบชัดๆ เลย จุดชมวิวแห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์บนดินก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะได้ชมวิวหมอกสวยๆ แล้ว ก็ยังได้สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์อีกด้วยค่ะ
สะพานแตปูซู สะพานแตปูซู เป็นสะพานแขวนแบบพื้นไม้ ตั้งอยู่ ระหว่าง ที่ทำการดับเพลิง อบต.อัยเยอร์เวง กับที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้าน กม.32 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความกว้าง 1.8 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ข้ามแม่น้ำปัตตานี สร้างมาตั้งแต่สมัยอดีตกำนันตำบลอัยเยอร์เวง นายมูเซ็ง แตปูซู บิดาของนายมนเทียร แตปูซู กำนันตำบลอัยเยอร์เวง (เกษียณปี 2560 บิดาของนายอัครเดช แตปูซู ผู้ใหญ่บ้าน กม.32 คนปัจจุบัน) ช่วยระดมพลังและเงินสมทบจากชาวบ้านร่วมกับราชการ ที่ไม่เพียงพอ เพราะต้องสั่งสายสลิง สำหรับยึดโยงตัวสะพานจากญี่ปุ่น ซึ่งสมัยนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก สามารถช่วยเหลือความยากลำบากของชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ซึ่งในขณะนั้นต้องใช้แพไม้ไผ่ข้ามไป-มา ทำให้ ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กๆต้องเสียชีวิตทุกปี เวลาขนย้ายผลผลิตการเกษตร หรือคนป่วย ก็ลำบากแสนสาหัส การก่อสร้างสะพานแตปูซู ขึ้นมาโดยการร่วมแรงร่วมใจกัน จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของชาว กม.32 ในการเอาชนะธรรมชาติและความรักสามัคคีของคนในชุมชน
- รับประทานอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร
- เดินทางสู่ อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายาสร้างขึ้น เพื่อใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ปัจจุบันภายในอุโมงค์นั้นถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นความพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีต้นไทรอายุกว่าพันปีอยู่ซึ่งท่านไม่ควรพลาดชม
- จากนั้น เดินทางต่อไปยัง สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง หรือสวนหมื่นบุฝผา หลายท่านอาจคิดถึงภาคเหนือก่อนเมื่อพูดถึงดอกไม้ แต่ที่เบตงแห่งนี้ก็มีความสวยงามของพรรณไม้ซ่อนอยู่ในขุนเขาแห่งนี้เช่นกัน โดยแรกเริ่มนั้นเป็นโครงการที่ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางการปลูกพรรณไม้เมืองหนาวขึ้น ในปัจจุบันมีดอกไม้นานานชนิด ไม่ว่าจะเป็น แกลดิโอลัส รักเร่ ซ่อนกลิ่น ฮอลลีฮ็อก ลิลลี่ เบญจมาศ เป้นต้น
อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เข้าทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนเบตงและน้ำตกอินทสร อยู่เลยบ่อน้ำร้อนอีก 3 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เขต 2 เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน ขุดเข้าไปในภูเขา และใช้เวลาเพียง 3 เดือน จึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 - 16.30 น. การท่องเที่ยวอุโมงค์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีการติดตั้งไฟฟ้าตลอดแนวอุโมงค์ อากาศภายในเย็นสบายไม่อึดอัด บริเวณทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ และมีแอ่งน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ด้านนอกอุโมงค์ซึ่งเคยเป็นลานฝึกทหารจัดให้มีนิทรรศการแสดงภาพและเรื่องราวประวัติศาสตร์ รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตในป่า นอกจากนี้ ยังมีเห็ดและยาสมุนไพรจากป่าจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว
- สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง (สวนหมื่นบุปผา)
- สถานที่ท่องเที่ยว, เบตง ยะลา ไทย
สวนไม้ดอกเมืองหนาว หรือเรียกว่า "สวนหมื่นบุปผา" เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง คอยเชื้อเชิญผู้มาเยือน ได้แก่ แอสเตอร์ ไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า ลิลลี่ แกลดิโอลัส ตุ้มหูนางฟ้า และอีกหลายสายพันธุ์อันมีเสน่ห์ สมชื่อ สวนหมื่นบุปผา เป็นโครงการที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางปลูกไม้เมืองหนาวขึ้น เมื่อครั้งเสด็จเยือนครั้งแรกใน ปี พ.ศ. 2537 เนื่องจากบริเวณหุบเขาส่วนนั้นอากาศหนาวปลูกยางพาราไม่ได้ผล โครงการนี้ เป็นโครงการที่ช่วยให้ ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และอดีตชาวจีนมาลายูที่ตั้งเป็นกองกำลังต่อต้านรัฐบาลมาเลเซียอยู่ในแดนไทยเขตเบตงสมัยก่อน ที่ออกจากป่ามาร่วมพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ให้มีรายได้และช่วยกันสร้างชาติไทย ปัจจุบันหุบเขาแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีไม้ดอกเมืองหนาวหลากสีคล้ายบนดอยทางภาคเหนือ และไม้ดอกเหล่านี้เป็นสินค้าส่งออก เป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่งของเบตง เช่น ดอกไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า ลิลลี่ และ อีกหลายอย่างที่เหล่าซือไม่รู้จักชื่อ แต่รู้ว่าสวยดี แปลงปลูกดอกไฮเดรนเยีย มีหลายสีสวยจนอยากซื้อเอากลับบ้าน ทำไม่ได้เลยถ่ายมาหลายรูป ดอกไม้ชนิดนี้ ภาษาจีน เรียกว่า 绣花球 ที่เบตง อะไรๆ ก็มีภาษาจีนกำกับ ไม่ว่าจะเป็นชื่ออาหาร โรงแรม ชื่อสวน ชื่อดอกไม้ฯ เพราะนักท่องเที่ยวหลักคือชาวมาเลย์เชื้อสายจีน
- บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
- พาท่านแวะ น้ำพุร้อนเบตง มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ โดยอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส ท่านสามารถซื้อไข่ลงไปต้มในน้ำแร่ที่นี่ได้ หรือว่าท่านใดอยากจะลองแช่เท้าผ่อนคลายอริยบททางสถานที่ก็มีบริการให้ท่านด้วยเช่นกัน
- จากนั้นแวะถ่ายรูปกับที่ ป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย
- พาท่านสักการะพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ และพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ณ วัดพุทธาธิวาส วัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตัวองค์เจดีย์ของวัดโดดเด่นด้วยศิลปะแบบศรีวิชัยประยุกต์ ถือเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธในเบตงมาอย่างช้านาน
- ก่อนพาท่านเก็บตกชมเมืองเบตง ให้ท่านได้เต็มอิ่มกับดินแดนสุดปลายด้ามขวานของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ตู้ไปรษณีย์สูงใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่มุมถนนสุขยางค์ มีความสูงเกือบ 3 เมตร ไม่รวมฐาน ซึ่งยังสามารถใช้งานได้จริงจนถึงปัจจุบัน
- นอกจากนั้นยังมี หอนาฬิกาเบตง ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนขาวของจังหลวัดยะลา ซึ่งมีความแข็งแรงและสวยงาม
เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน้ำพุเดือดขึ้นมาจากพื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ ก่อนถึงอำเภอเบตง 5 กิโลเมตร หากเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของยะลา หลายคนคงนึกถึงบ่อน้ำร้อนเบตง ซึ่งเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย โดยอุณหภูมิของน้ำนั้นอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส และบริเวณที่น้ำเดือดนี้สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 7 นาทีเท่านั้น ปัจจุบันทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลาได้ร่วมมือกับภาคเอกชนพัฒนาพื้นที่ 3 ไร่ของบ่อน้ำร้อนเบตงให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิดหน้าชูตาของจังหวัด โดยมีการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเล่น แต่ละโซนของพื้นที่ออกแบบอย่างได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ ทั้งบ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่ บ่อแช่น้ำร้อนใหม่ อาคารธาราบำบัด ตลอดจนอาคารสำหรับพักค้างคืนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ จังหวัดยะลา โดยอยู่ห่างตัวเมืองเบตงไปตาม ทางหลวงหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ประมาณ 5 กิโลเมตร และแยกเข้าไปตามทางคอนกรีตอีกเกือบ 7 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน
หลักเขตป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนสุขยางค์ ตามทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ความเป็นที่สุดของสถานที่นี้คือ ป้ายที่มีข้อความว่า "ใต้สุดสยาม" และรูปแผนที่ประเทศไทยสีทองซึ่งสลักบนหินอ่อน เพื่อการันตีว่าเป็นจุดสุดท้ายของผืนแผ่นดินไทยทางตอนใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเบตงอดใจไม่ได้ที่จะต้องถ่ายรูปกับป้ายนี้เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าเคยมาสัมผัสดินแดนที่ได้ชื่อว่าอยู่ใต้สุดของประเทศมาแล้ว
- พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
- สถานที่ทางศาสนา, เบตง ยะลา ไทย
สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อขึ้นไปด้านบน คุณจะได้ดื่มด่ำทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงที่น่าประทับใจ อีกมุมหนึ่ง ทั้งนี้ตามประวัติกล่าวว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์บนพื้นที่บริเวณนี้ไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2512 แต่ยังไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด ต่อมาภายหลังหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกวัง ศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย ได้ดำเนินการออกแบบก่อสร้างเป็นพระมหาธาตุเจดีย์แบบศรีวิชัยประยุกต์ โดยมีเจดีย์องค์ประธาน 4 องค์อยู่ตรงกลางรายรอบด้วยเจดีย์บริวาร และมีเจดีย์องค์เล็กขนาดเท่ากับเจดีย์องค์บริวาร ซึ่งเป็นเรือนธาตุซ้อนกันอยู่ภายในเจดีย์องค์ประธาน (สำหรับบรรจุพระสถูปพระบรมสารีริกธาตุ) ดังที่เห็นในปัจจุบัน และในระหว่างก่อสร้างนั้นเอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สมทบทุนการก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ เป็นเงิน 200,000 บาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ว่าพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ และกลายมาเป็นศูนย์รวมศรัทธาที่ชาวใต้ภาคภูมิใจในที่สุด
- ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- สถานที่อันซีน, เบตง ยะลา ไทย
ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ทักทายตู้ไปรษณีย์แห่งอำเภอเบตงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความยากลำบากในการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภอื่น ๆ ในอดีต และการติดต่อสื่อสารกันด้วยจดหมายนั้นจัดเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด อีกทั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสื่อสาร ของอำเภอเบตงในคราวเดียวกัน โดยตู้ไปรษณีย์ที่จำลองขึ้นมาตู้นี้ มีขนาดใหญ่กว่าตู้เดิมถึง 3.5 เท่า สูงประมาณ 9 เมตร ยังคงใช้งานได้จริงในปัจจุบัน ตลอดทั้งมีการติดตั้งวิทยุกระจายเสียงวางอยู่บนส่วนบนของตู้ เพื่อให้ชาวเบตงได้รับฟัง ข่าวสารจากทางราชการด้วย นับเป็นไฮไลท์ของอำเภอเบตงที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สำหรับตู้ไปรษณีย์เดิมก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์พร้อม ๆ กับใช้งานจริงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตู้ไปรษณีย์เก่านี้ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2467 ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยนายสงวน จินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตง ผู้เคยเป็นบุรุษไปรษณีย์มาก่อน ตู้ดังกล่าวตั้งอยู่ที่มุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ลักษณะของตู้เป็นรูปทรงกลมและเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ถ้านับจากฐานขึ้นไปจะรวมความสูงได้ทั้งหมดประมาณ 320 เซ็นติเมตร และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็มีอายุกว่า 80 ปีแล้ว
หอนาฬิกาสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนขาวที่มีอยู่มากในจังหวัดยะลา หอนาฬิกาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหรือจะเรียกว่าเป็นสะดือของเมืองเบตงก็ว่าได้ ในเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้น มักจะใช้บริเวณหอนาฬิกานี้เป็นจุดนัดหมายในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
- ที่พัก โรงแรมโมเดิร์นไทย / โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิลล์ / โรงแรม บัตเตอร์ฟลาย ปริ๊นเซส หรือเทียบเท่า
วันที่สาม 3 : เขื่อนบางลาง • วัดช้างให้ • มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา • ตลาดกิมหยง • สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ • สนามบินสุวรรณภูมิ
- บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม หรือ ร้านอาหาร
- มุ่งหน้ากลับเขาหาดใหญ่ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปบริเวณ เขื่อนบางลาง ที่อำเภอบันนังสตา เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว เป็นโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเผื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง และกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524
- จากนั้น เข้าสู่ปัตตานี สักการะหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ วัดช้างให้ พระอาจารย์ดังในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสคนแรก โดยท่านเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ทำให้เป็นที่นิยมบูชาให้หมู่นักเดินทาง
เมื่อก้าวมาถึงสะพานข้ามเขื่อนบางลาง เป็นอีกสถานที่สำหรับการพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ภูเขาที่โอบล้อมเขื่อนบางลาง กั้นแม่น้ำปัตตานีที่บริเวณบ้านบางลาง ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ห่างจากตัวอำเภอเมือง 58 กิโลเมตร ตัวเขื่อนเป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 85 เมตร มีความสวยงาม และช่วงเช้าบางวันจะสามารถเห็นหมอกบางๆ บรรยากาศดี โอโซนสูญให้เต็มปลอด ขอบอกเบตงอากาศดีมากๆ #โอเคเบตง #หลงรักเบตง
- วัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
- สถานที่ทางศาสนา, โคกโพธิ์ ปัตตานี ไทย
เดิมชื่อวัดช้างให้ ตามตำนานเมืองปัตตานีกล่าวว่า พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ให้น้องสาวจึงได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานปล่อยช้างเจ้าเมืองและไพร่พลเดินตามไปเมื่อถึงป่าแห่งหนึ่ง (ที่วัดช้างให้ในปัจจุบัน) ช้างก็เดินวนเวียนและร้อง 3 ครั้ง พระยาแก้มดำ ถือว่าเป็นนิมิตที่ดีที่จะสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบใจ จึงได้เสี่ยงสัตย์ปล่อยช้างใหม่ คราวนี้ช้างได้เดินทางไปทางชายทะเลแห่งหนึ่ง (ที่ตำบลกรือเซะในปัจจุบัน) ช้างไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่น้องสาวพอใจ จึงขอให้พระยาแก้มดำสร้างเมืองขึ้น โดยชื่อว่า “เมืองปัตตานี” เมี่อสร้างเมืองเสร็จแล้วได้เดินทางกลับผ่านทางเดิมได้ให้ขบวนหยุดพักที่ป่า ซึ่งช้างบอกไว้คราวแรก และให้ไพร่พลแผ้วถางป่าบริเวณนั้นสร้างเป็นวัดขึ้นให้ชื่อว่าวัดช้างให้ นมัสการพระดีเกจิดังแห่งปัตตานี สถานที่ประดิษฐ์ฐานสถูปหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
- บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร เมนูไก่ทอดหาดใหญ่ และอาหารใต้
- เดินทางถึงจังหวัดสงขลา แวะถ่ายรูปบริเวณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ที่ใความสวยงามราวกับไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ได้รับการขนานนามว่า ทัชมาฮาลเมืองไทย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารเป็นสีขาว มีโดมทอง และเสา 4 เสารอบตัวอาคาร ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า 200 เมตร ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามเป็นอย่างมาก
- จากนั้นให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก และสินค้านานาชนิดที่ ตลาดกิมหยง สถานที่ที่ถูกขนานนามว่า "มาหาดใหญ่ ไม่ถึงตลาดกิมหยง ก็เหมือนไม่ได้มาหาดใหญ่" มีสินค้าต่างๆ เยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สินค้าบางตัวที่ขายตามจังหวัดต่างๆ ก็ซื้อมาจากตลอดแห่งนี้
- มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา
- สถานที่ทางศาสนา, หาดใหญ่ สงขลา ไทย
มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา "ทัชมาฮาลเมืองไทย" ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในจังหวัดสงขลา มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศาสนสถานในศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในจังหวัดสงขลา มัสยิดกลางสงขลานี้ มีโดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ทัชมาฮาล เมืองไทย" โครงสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น ชั้นที่ 1 สำหรับที่จอดรถ ชั้นที่ 2 เป็นสำนักและห้องประชุม ชั้นที่ 3 เป็นมัสยิดจุคนละหมาด ได้ประมาณ 5,000 กว่าคน สถาปัตยกรรมมัสยิดเป็นแบบผสมผสาน ปัจจุบันมัสยิดมีเนื้อที่ทั้งหมด 60 ไร่ ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมากภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่งโอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบ และทำพิธีกรรมต่าง ๆ ทางศาสนา สำหรับตัวมัสยิด เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนศิลปะประยุกต์ไทย-จีน ก่อสร้างโดยช่างที่ถูกเกณฑ์ไปสร้างวัดมัชฌิมาวาส หรือวัดกลาง ซึ่งใกล้ ๆ กัน แม้จะมีสัณฐานคล้ายอุโบสถของวัดในพระพุทธศาสนา แต่ก็ไม่ขัดต่อหลักการศาสนาอิสลามแต่อย่างใด ส่วนหออาซานเดิมมีลักษณะเดียวกันกับหอระฆังในวัดพุทธ แต่ภายหลังได้ถูกต่อเติมและสร้างโดมรูปหัวหอมขึ้น บริเวณด้านหน้ามีสระน้ำทอดตัวยาวกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูละม้ายคล้ายคลึงกับทัชมาฮาล ที่อินเดีย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็นและช่วงค่ำ มัสยิดจะเปิดไฟสว่าง มีฉากหลังของท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็น สวยงามเป็นอย่างมาก
ตลาดกิมหยง เป็นตลาดขายของฝากและของที่ระลึกขนาดใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บนอาคารสองชั้น ริมถนนละม้ายสงเคราะห์ ชั้นบนเป็นร้านขายสินค้า ชั้นล่างเป็นตลาดขายของแห้ง เดิมอาคารแห่งนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ ชื่อ โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ชื่อตลาดกิมหยง มาจากชื่อเต็มว่า "ตลาดชีกิมหยง" เป็นชื่อของคหบดีชาวจีนชื่อ ชีกิมหยง และภรรยาชื่อ ละม้าย [3] เจ้าของที่ดินแต่เดิม ตลาดกิมหยงเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงคู่กับ ตลาดสันติสุข ซึ่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอมและเครื่องสำอาง ซึ่งอยู่ริมถนนนิพัทธ์อุทิศ ในย่านเดียวกัน ในอดีตตลาดกิมหยงบริเวณชั้นล่างนอกจากจะเป็นตลาดสดเหมือนตลาดทั่วไปแล้วยังมีการจำหน่ายสินค้าที่มาจากประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอาหารแห้ง กาแฟสำเร็จรูป ขนม เครื่องสำอางค์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี ดังนั้นตลาดกิมหยงจึงเป็นแหล่งทีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาซื้อหาสินค้าเหล่านี้เพื่อกลับไปเป็นของฝาก (ในขณะที่คนไทยมักลักลอบนำข้าวสาร น้ำตาล เข้าไปขายในปาดังเปซาร์ ฝั่งมาเลเซีย)ส่วนชั้นสองของอาคารนั้นในอดีตเคยเป็นโรงภาพยนตร์ชื่อเฉลิมไทยซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากเพราะมักจะฉายภาพยนตร์ฝรั่งโดยมีผู้ให้เสียงพากษ์ภาษไทยที่มีชื่อเสียง คือ กรรณิการ์ อมรา
- สมควรแก่เวลา พาท่านเข้าสู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ เช็คอิน โหลดสัมภาระ
- ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน VZ109
- เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
กรุณาจองทัวร์ล่วงหน้าก่อนการเดินทางและชำระค่าทัวร์เต็มจำนวน
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
แจ้งยกเลิกหรือเลื่อนวันเดินทาง 30 วัน ก่อนการเดินทาง : หักค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น อาทิ ค่ามัดจำรถบัสปรับ อากาศ , รถตู้ VIP, ค่าโรงแรมที่พัก ,ค่าอาหาร , ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว , ค่าบริการ
- แจ้งยกเลิกก่อนเดินทางน้อยกว่า (<) 15 วัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าบริการ 50 %
ในกรณีชำระค่าทัวร์เต็มจำนวนแล้ว แจ้งยกเลิกหรือเลื่อนวันเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เก็บเงินค่าทัวร์ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆทั้งสิ้น
กรณีเจ็บป่วย
กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯจะทำการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยัง คณะต่อไปแต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางได้ตามความเป็นจริง ในกรณีเจ็บป่วยกะทันหันก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วันทำการ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี
ในกรณีเจ็บป่วยกะทันหันก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วันทำการ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี
อัตราค่าบริการนี้รวม
อาหารตามรายการระบุ(สงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
ตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจรไป - กลับพร้อมกรุ๊ป อยู่ต่อต้องเสียค่าเปลี่ยนแปลงตั๋ว พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 20 กก.
ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการระบุ
ค่ารถรับ-ส่งสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวคนไทย
ประกันอุบัติเหตุวงเงิน1,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์) เงื่อนไขประกันการเดินทาง ค่าประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไม่คุ้มครองถึงการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวและไม่คุ้มครองโรคประจำตัวของผู้เดินทาง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของ, อุบัติภัยทางธรรมชาติ, การประท้วง, การจลาจล ,การนัดหยุดงาน, การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมือง จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทย และต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
ค่าทิป 300 บาท/ทริป/ลูกทัวร์ 1 ท่าน(บังคับตามระเบียบธรรมเนียม)
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ตามสินน้ำใจของทุกท่านค่ะ(ไม่รวมในทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถนะคะแต่ไม่บังคับทิปค่ะ)
หมายเหตุ
ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น หากผู้เดินทางประสบเหตุสภาวะฉุกเฉินจากโรคประจำตัว ซึ่งไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุในรายการท่องเที่ยว (ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในเงื่อนไขนี้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัททัวร์)
เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆ ตามรายการ หรือ ถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี
ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น หากท่านใช้บริการของทางบริษัทฯไม่ครบ อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ,ไม่ทานอาหารบางมื้อ,เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางบริษัทฯได้ชำระค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนต่างประเทศแบบเหมาจ่ายขาด ก่อนเดินทางเรียบร้อยแล้วเป็นการชำระเหมาขาด
โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และเหตุสุดวิสัยต่างๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า โดยทางบริษัทฯจะคำนึงถึงผลประโยชน์ และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางเป็นสำคัญ
ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหายจากการโจรกรรมและหรือเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง
อาหารท้องถิ่น รูปแบบ วัตถุดิบและรสชาติจะเป็นไปตามรสนิยมของคนท้องถิ่น ซึ่งลูกค้าจะต้องยอมรับในรสชาติของอาหาร
ลูกค้าจะต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อประโยชน์ของท่านเองและบุคคลอื่น
บริษัทฯมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมทัวร์ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
พาหนะ , ราคา และ รายการท่องเที่ยว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดิน ทางเป็นสำคัญ
รูปภาพในโปรแกรมเป็นรูปภาพเพื่อใช้ประกอบการโฆษณาเท่านั้น