วันแรก 1 : สนามบินดอนเมือง – สนามบินหาดใหญ่ – วัดมหัตตมังคลาราม – วัดพระมหาเจดีย์ไตรภพไตรมงคล- ตลาดกิมหยง
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกในประเทศ ชั้น 3 อาคาร 2 ประตู 14 เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์(DD) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คเอกสารและสัมภาระก่อนการเดินทาง
ออกเดินทางสู่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD504 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.25 ชม.)
ถึง สนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ร้านอาหาร
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทาง สู่ วัดมหัตตมังคลาราม หรือ วัดหาดใหญ่ใน เป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่งของอำเภอหาดใหญ่ หนึ่งในสถานที่เที่ยวชมวัดที่สวย มีสิ่งสำคัญ คือ เป็นวัดที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่ยาว 35 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร ชื่อ พระพุทธหัตถมงคล ที่ว่ากันว่าใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมากราบไหว้
จากนั้น นำทุกท่านสู่ วัดพระมหาเจดีย์ไตรภพไตรมงคล หรือ เจดีย์สแตนเลส ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเขาคอหงส์ หลังมหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ โดยองค์พระเจดีย์มีความงดงามแปลกตาโดยโครงเหล็กทุกชิ้นเป็นสแตนเลสทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็น เจดีย์สแตนเลส หนึ่งเดียวในโลก พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพไตรมงคล สร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี อีกทั้งยังสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมใจสืบสานพระพุทธศาสนาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม ประเพณีไทย การเผยแพร่พุทธประวัติและพุทธจริยวัตรสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อิสระช้อปปิ้ง ตลาดกิมหยง แหล่งสินค้ามีให้เลือกซื้อเลือกหาแทบ ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเด็กเล่น แว่นตา ตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเรือน สินค้าทั่วไป ตลาดกิมหยงจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะขายสินค้าทั่วไป ส่วนชั้นบนจะเน้นไปทางเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนด้านตะวันออกจะเป็นลักษณะตลาดสด เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง อิสระมื้อเย็นตามอัธยาศัย
วัดมหัตตมังคลาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดหาดใหญ่ใน" ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังตลาดหาดใหญ่ใน ริมคลองอู่ตะเภา แต่ภายในวัดยังคงร่มรื่น เงียบสงบ จึงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาทำบุญเป็นจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากราบไหว้พระนอนขนาดใหญ่ "พระพุทธมหัตตมงคล" มีความยาว 35 เมตร สูง 15 เมตร และกว้าง 10 เมตร ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
พระมหาธาตุเจดีย์ไตรภพ ไตรมงคล สร้างขึ้นเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ 60 ปี อีกทั้งยังสร้างเพื่อเป็นศูนย์รวมใจสืบสารพระพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรม ประเพณีไทย การเผยแพร่พุทธประวัติและพุทธจริยวัตร สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณด้านล่างของฐานองค์พระเจดีย์ มีความงดงามและแปลกตา โดยโครงเหล็กทุกชิ้น เป็นสแตนเลสทั้งหมด
ตลาดกิมหยง เป็นตลาดขายของฝากและของที่ระลึกขนาดใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บนอาคารสองชั้น ริมถนนละม้ายสงเคราะห์ ชั้นบนเป็นร้านขายสินค้า ชั้นล่างเป็นตลาดขายของแห้ง เดิมอาคารแห่งนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ ชื่อ โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ชื่อตลาดกิมหยง มาจากชื่อเต็มว่า "ตลาดชีกิมหยง" เป็นชื่อของคหบดีชาวจีนชื่อ ชีกิมหยง และภรรยาชื่อ ละม้าย [3] เจ้าของที่ดินแต่เดิม ตลาดกิมหยงเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงคู่กับ ตลาดสันติสุข ซึ่งจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอมและเครื่องสำอาง ซึ่งอยู่ริมถนนนิพัทธ์อุทิศ ในย่านเดียวกัน ในอดีตตลาดกิมหยงบริเวณชั้นล่างนอกจากจะเป็นตลาดสดเหมือนตลาดทั่วไปแล้วยังมีการจำหน่ายสินค้าที่มาจากประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอาหารแห้ง กาแฟสำเร็จรูป ขนม เครื่องสำอางค์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี ดังนั้นตลาดกิมหยงจึงเป็นแหล่งทีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาซื้อหาสินค้าเหล่านี้เพื่อกลับไปเป็นของฝาก (ในขณะที่คนไทยมักลักลอบนำข้าวสาร น้ำตาล เข้าไปขายในปาดังเปซาร์ ฝั่งมาเลเซีย)ส่วนชั้นสองของอาคารนั้นในอดีตเคยเป็นโรงภาพยนตร์ชื่อเฉลิมไทยซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากเพราะมักจะฉายภาพยนตร์ฝรั่งโดยมีผู้ให้เสียงพากษ์ภาษไทยที่มีชื่อเสียง คือ กรรณิการ์ อมรา
นำท่านเข้าสู่ที่ Red Planet Hotels หรือ เทียบเท่า
วันที่สอง 2 : หาดใหญ่ – จังหวัดตรัง –ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย - ถ้ำเลเขากอบ-ถนนคนเดินชินตาการ์เด้น
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ จังหวัดตรัง (ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) จังหวัดในภาคใต้ของประเทศไทย ตรังหรือเมืองทับเที่ยงเป็นจังหวัดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคใต้ จังหวัดตรังในอดีตเคยเป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมไปสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช นำท่านเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวตรัง
ศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย (Tham Kong Yia Shrine) ตั้งอยู่บนถนนเพลินพิทักษ์ เป็นศาลเจ้าที่คนส่วนมากนิยมมากราบไหว้ขอพร ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ชาวบ้านเรียกว่า โรงพระท่ามกงเยี่ย นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวตรัง นับตั้งแต่แรกเกิดจากครรภ์มารดาเมื่ออายุครบเดือนบิดามารดาจะพามาไหว้เพื่อขอให้พระท่ามกงเยี่ยรับไว้เป็นบุตร โดยการบอกวันเดือนปีเกิดให้เจ้าหน้าที่ศาลเลือกชื่อให้ตามสมควรแล้วจึงเสี่ยงโป้ยถามพระ โดยมากบุตรของท่านทุกคนจะมีชื่อกลางเดียวกันว่า ท่าม ไม่ว่าชาวบ้านจะมีทุกข์โศกโรคภัย วารดิถี งานเทศกาล หรือประสบความสำเร็จใดๆ ก็จะมีลูกหลานมากราบไหว้สักการบูชาเสมอกล่าวว่าเซียมซีของท่านแม่นยำผู้คนมักนิยมบนท่านด้วยหมูย่างทั้งตัวหรือย่อมลงมาตามกำลังศรัทธาและทุนทรัพย์ หรือความเกี่ยวข้อง ความสำเร็จในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะในวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญ ลูกหลานจะพร้อมใจกันมาสักการะบูชาท่านอย่างเนืองแน่น
ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ชาวบ้านเรียกว่า “โรงพระท่ามกงเยี่ย” นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวตรัง นับตั้งแต่แรกเกิดจากครรภ์มารดาเมื่ออายุครบเดือนบิดามารดาจะพามาไหว้เพื่อขอให้พระท่ามกงเยี่ยรับไว้เป็นบุตร โดยการบอกวันเดือนปีเกิดให้เจ้าหน้าที่ศาลเลือกชื่อให้ตามสมควรแล้วจึงเสี่ยงโปยถามพระ โดยมากบุตรของท่านทุกคนจะมีชื่อกลางเดียวกันว่า ท่าม ไม่ว่าชาวบ้านจะมีทุกข์โศกโรคภัย วารดิถี งานเทศกาล หรือประสบความสำเร็จใดๆ ก็จะมีลูกหลานมากราบไหว้สักการบูชาเสมอกล่าวว่าเซียมซีของท่านแม่นยำผู้คนมักนิยมบนท่านด้วยหมูย่างทั้งตัวหรือย่อมลงมาตามกำลังศรัทธาและทุนทรัพย์ หรือความเกี่ยวข้อง ความสำเร็จในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะในวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญ ลูกหลานจะพร้อมใจกันมาสักการบูชาท่านอย่างเนืองแน่น ถึงแม้ว่าพระท่ามกงเยี่ยจะไม่ลงประทับทรงเลยหลังจาก นายเหล่าซาม ชาวย่านตาขาวร่างทรงได้ถึงแก่กรรมเมื่อปีพุทธศักราช 2516 นับจนปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำเลเขากอบ UNSEEN THAILAND ถ้ำเลเขากอบเป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านและไหลล้อมรอบภูเขาอันเป็นที่ตั้งของถ้ำ การเดินทางเข้าไปชมภายในนั้นจะต้องเริ่มต้นด้วยการนั่งเรือในบางจุดแล้วจึงค่อยเดินสำรวจถ้ำต่าง ๆ อันได้แก่ ถ้ำเจ้าสาว ถ้ำรากไทร ถ้ำคนธรรพ์ เป็นต้น โดยมีระยะทางสำรวจถ้ำทั้งหมดประมาณ 4 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและหวาดเสียวที่สุดของการท่องถ้ำเลเขากอบคือตอนที่ต้องนอนราบขนานไปกับลำเรือเพื่อลอดผ่านส่วนที่มีเพดานต่ำที่สุดของถ้ำที่เรียกกันว่า "ถ้ำลอด" จนถึงกับมีผู้เปรียบเปรยอารมณ์นี้ว่าราวกับได้ลอดผ่านท้องมังกรอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งมีความเชื่อว่า หากใครได้ ลอดผ่านท้องมังกรเหมือนเป็นการสะเดาะห์กลับไปก็จะพบแต่ความโชคดี (โปรแกรมล่องเรือชมถ้ำเลเขากอบ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตาม ความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและ ระดับน้ำทะเล หากไม่สามารถล่องเรือได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าใช้จ่ายและเปลี่ยนแปลงโปรแกรมท่องเที่ยวเป็นท่องเที่ยววังเทพทาโรแทน )
อิสระช้อปปิ้ง ถนนคนเดินชินตาการ์เด้น มีร้านค้ากว่า 350 ร้านค้า ให้ได้เลือกชิม ชม ช้อป แชะ แชร์ ในบรรยากาศสุดชิล อิสระเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก ตามอัธยาศัย อิสระรับประทานอาหารเย็นตาอัธยาศัย
“ถ้ำเลเชากอบ” ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งใน Unseen ของไทย ที่น่าจับตามองและเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามพร้อมกับประสบการณ์อันน่าพิศวง ที่คนรักการเดินทางจะต้องชอบ
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา หรือเทียบเท่า
- อิสระอาหารเย็น ณ กาดหน้ามอเชียงใหม่
- โรงแรมธาริน ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สาม 3 : ตรัง - ท่าเรือปากเมง – ลงเรือสู่เกาะมุก – ถ้ำมรกต – เกาะเชือก – หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยังท่าเรือปากเมง ลงเรือสู่ เกาะมุก ลอยตัวชมความงามของ ถ้ำมรกต หนึ่งใน UNSEEN THAILAND อัญมณีเม็ดงามของท้องทะเลอันดามัน ร่วมกันค้นหาความเร้นลับที่น่าอัศจรรย์ ภายในถ้ำมรกต ที่จะนำไปสู่หาดทรายเล็ก ๆ ที่ถูกรายล้อมได้ด้วยมวลหมู่แมกไม้และแนวหน้าผาชันลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟที่ซุกซ่อนตัวรอการมาเยือนของท่าน ตลอดจนการไขปริศนาที่มาของชื่อ “ถ้ำมรกต”
ถ้ำมรกต เป็นถ้ำที่อยู่บนเกาะมุกต์ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ถ้ำมรกต ถ้ำมหัศจรรย์กลางทะเล จะเข้าออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น ปากถ้ำเป็นโพรงเล็กๆ การเข้าออกจะต้องลอยคอในน้ำ ลอดถ้ำอันมืดมิด ผ่านเส้นทางคดโค้ง น่าตื่นเต้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นทะเลสาบสีมรกตงดงามและเวลาที่แสงจะลอดปากถ้ำมรกตลงมา คือช่วงเวลาระหว่าง 10.00-14.00 น. การลอดถ้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา เดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวคือระหว่างเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคม เวลาน้ำลงเพื่อมุดเข้าถ้ำมรกตได้ หากใครที่ต้องการที่จะเข้าไปจะต้องทำเวลา เพราะมีช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงเป็นเวลา ถ้ำมรกตจึงมีผู้คนไปเยี่ยมชมไม่ขาดสายเลย ใช่ว่าถ้ำจะมีอะไรที่แปลกไปมากกว่าที่อื่นนัก แต่ความตื่นตาตื่นใจ อยู่ที่การว่ายน้ำลอดถ้ำเข้าไป เพราะการที่นักท่องเที่ยวจะเข้าถึงตัวถ้ำได้ต้องใช้ความสามัคคีกันมาก ชื่อของ ถ้ำมรกต ที่เรารู้จักกันดีก็คือการได้เห็นความเขียวของน้ำที่สะท้อนออกมาจากแสงที่ส่องผ่านปากถ้ำ เห็นเป็นสีเขียวมรกตสวยงดงาม ตื่นตาตื่นใจกับการที่ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ
รับประทานอาหารกลางวัน บนเรือ
นำท่านเดินทางสู่ เกาะกระดาน สถานที่ที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทร เป็นเกาะที่มีความกว้างมาก มีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างใหญ่สวยงามน่าเล่นน้ำ น้ำทะเลใสจนมองเห็น แนวปะการัง น้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากหลายพันธุ์ ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะจอดเรือเล่นน้ำ อาบแดดชมความงามของหาดทรายเป็น จำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือชั้นหินที่สวยงามแปลกตามากมาย
จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยัง เกาะเชือก อยู่ระหว่างเกาะมุกและเกาะไหง ถือเป็นจุดดำน้ำชมปะการัง ที่สวยที่สุดของทะเลตรังสามารถ ชม ปะการังอ่อนมีทั้งสีแดง สีส้ม สีม่วง สีเหลือง สีชมพู และอีกมากมาย สัมผัส ดาวขนนก เกาะเชือกเป็นเกาะเล็กๆ ทั้ง 3 เกาะ อยู่ในวงล้อม ของเกาะมุก และเกาะกระดาน เป็นเกาะสัมปทานรังนกทั้งสามเกาะ ห่างจากเกาะไหงประมาณ 4 กิโลเมตร มีลักษณะ เป็นโขดหิน แหละหน้าผาหินสูงชัน ไม่มีชายหาด หรือบ้านเรือนของผู้คน และชาวประมงอาศัยอยู่บนเกาะทั้งสาม นอกจากมี กระท่อมของคนเฝ้า รังนกปลูกเรียงรายบนโขดหินรอบตัวเกาะ บริเวณรอบเกาะทั้งสามเป็นแหล่งดำน้ำ ชมปะการังชนิดต่างๆ มีทั้ง ปะการังน้ำตื้นและน้ำลึก รายรอบ มีฝูงปลาทะเลสีสันสวยงามนานาชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาโนรี ปลาสินสมุทร ปลาลายเสือ
(โปรแกรมการท่องเที่ยวทะเลตรัง อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพอากาศและระดับน้ำทะเล เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ หากสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการลอยตัวเข้าชมถ้ำมรกตและดำน้ำทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าใช้จ่ายทุกกรณีเนื่องจากเป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับตัวแทนแล้วทั้งสิ้น)
นับเป็นจุดเด่นที่สุดในทะเลตรัง ลักษณะของเกาะทางด้านทิศตะวันตกส่วนใหญ่เป็นโขดหน้าผาหินสูงตระหง่านหันหน้าออกสู่ทะเล ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง ที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวเกาะไว้อย่างดี สามารถเดินเที่ยวรอบเกาะได้ และทางด้านทิศตะวันตกของกเกาะมุก มีถ้ำมรกตหรือถ้ำทะเลซึ่งมีความงดงามตระการตาอย่างมาก จากปากทางเข้าถ้ำเป็นโพรงเล็ก ๆ การเข้าชมภายในถ้ำ จะต้องว่ายน้ำลอยคอเข้าไป ระยะทาง 80 เมตร บริเวณปากทางเข้าถ้ำแสงจากภายนอกจะสะท้อนกับน้ำภายในถ้ำทำให้เห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต ดูแปลกตาและมหัศจรรย์ในความสวยงามที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้าง เมื่อพ้นปากถ้ำออกมาอีกด้านหนึ่งจะเห็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน นั่งเล่นน้ำได้ เกาะมุกมีที่พักเอกชนบริการ การเดินทาง นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเกาะมุก สามารถเช่าเหมาลำเรือจากท่าเรือปากเมง อำเภอสิเกา ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ค่าเช่าเรือเหมาลำราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท/วัน หรือใช้บริการเรือโดยสาร จากท่าเรือควนตุ้งกู ซึ่งมีบริการวันละ 1 เที่ยว เวลา 12.00 น. และเรือจากเกาะมุก เวลา 07.00 น. จังหวัดตรัง มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะเกาะ แต่ที่สวยงามและมีความแปลกจนนักท่องเที่ยวต้องไปดูให้เห็นกับตานั้นคือเกาะมุก (Koh Muk) เพราะที่เกาะมุกมีถ้ำมรกต (Morakot Cave) ถ้ำที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความสวยงามให้แล้วยังแถมความแปลกด้วยอีกอย่าง เกาะมุกเป็นเกาะขนาดใหญ่ของจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีหมู่บ้านชาวประมงอยู่บนเกาะ มีร้านอาหาร มีรีสอร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักบนเกาะ ส่วนการเดินทางบนเกาะนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และให้เช่าขับเอง ด้านที่หมู่บ้านชาวประมงและรีสอร์ตตั้งอยู่นี้มีชายหาดที่เล่นน้ำได้ 3 แห่ง ส่วนถ้ำมรกต (Emerald Cave) จะอยู่อีกด้านของเกาะมุก ซึ่งจะมีโพรงถ้ำเล็ก ๆ ที่จะเข้าไปได้ก็ต้องรอช่วงน้ำลดเท่านั้น เมื่อเข้าไปในถ้ำราว 80 เมตร จะถึงปากถ้ำอีกด้าน ซึ่งมีหาดทรายขาวท่ามกลางหน้าผาสูงชัน ส่วนที่ได้ชื่อว่าถ้ำมรกตนั้น เนื่องจากน้ำทะเลในถ้ำกระทบกับแสงจากภายนอก ทำให้มองเห็นเป็นสีมรกตสวยงามน่าชมอย่างมาก นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะมุก มักพักค้างคืนอย่างน้อย 1 คืน เพื่อจะได้มีเวลาพอสำหรับการชมเกาะมุกอย่างเต็มที่ และนักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือไปดำน้ำที่ เกาะม้า เกาะเชือก เกาะแหวน และเกาะอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ***ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานแห่งชาติ วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน
เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ระหว่างเกาะมุกและเกาะกระดาน มีปะการังน้ำตื้นและน้ำลึก รวมทั้งฝูงปลาจำนวนมากอุดมสมบูรณ์ สามารถเดินทางไปเกาะโดยลงเรือที่ท่าเรือปากเมง ใช้เส้นทางเดียวกับเกาะมุกและเกาะกระดาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ค่าเช่าเรือเหมาลำราคาประมาณ 1,500 บาท/วัน แม้เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่ปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกแถบนี้ก็มีสีสันสวยงามไม่เป็นสองรองใคร รวมทั้งมีฝูงปลามากมายบริเวณนี้ที่นี่จึงเป็นแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ***ปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานแห่งชาติ วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน
รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้น นำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเรือปากเมง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หาดใหญ่ สงขลา (ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.)
นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม Red Planet Hotels หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ 4 : หาดสมิหลา – เขาตังกวน – ย่านเมืองเก่าสงขลา – สะพานติณสูลานนท์ - เกาะยอ - นมัสการพระนอน วัดแหลมพ้อ – ตลาดกิมหยง – สนามบินหาดใหญ่ – สนามบินดอนเมือง
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช็คอินหาดสมิหลา สูดกลิ่นอายทะเล ชมวิวทิวทัศน์ เกาะหนู เกาะแมว เดินทอดน่องบน หาดทรายแก้ว หาดทรายสีขาวละเอียดนวลตาขนานไปกับทิวสนที่ปลูกเรียงรายเรียบชายหาด ถ่ายรูปคู่สัญลักษณ์ของหาดสมิหลา รูปปั้นนางเงือกสีทอง จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเช็คอิน
จากนั้น นำท่านสู่ เขาตังกวน เนินเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช ศิลปะสมัยทวาราวดี เดินขึ้นบันไดพญานาค 145 ขั้น หรือหากท่านไม่สะดวกเดินขึ้นบันไดสามารถโดยสารลิฟต์ขึ้นไปยังด้านบนได้ (ไม่รวมค่าขึ้นลิฟต์ ท่านละ 30 บาท) อิสระให้ท่านสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตตามอัธยาศัย
แหลมสมิหลา อยู่ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา ห่างจากตลาดทรัพย์สิน (ตลาดสดเทศบาล) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร หาดทรายขาวและทิวสนอันร่มรื่นยาวเหยียด มองเห็นทิวทัศน์ได้ไปจนสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่แหลมสนอ่อน และทิศใต้มองเห็นได้ไกลถึงหาดชลาทัศน์ ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นเขาเก้าเส้งอยู่ลิบๆ ณ แหลมสมิหลา ซึ่งมีนางเงือกอันเป็นเสมือนสัญลักษณ์อันโดดเด่นอย่างหนึ่งของสงขลา นอกจากนั้นแล้วบริเวณริมหาดยังมีกิจกรรมสันทนาการทางน้ำไว้บริการด้วย ถ้ามาถึงสงขลาแล้วไม่ได้เยือนหาดสมิหลาย่อมถือว่ามาไม่ถึง เพราะที่นี่คือไอคอนของเมืองสงขลาที่ทุกคนต้องมาแวะถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก หาดสมิหลาเป็นชายหาดที่มีโขดหินขนาดย่อมยื่นลงทะเล ทรายขาวละเอียดมากที่เรียกว่า "ทรายแก้ว" ร่มรื่นด้วยป่าสน และจากหาดสมิหลายังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเกาะหนูเกาะแมว จนมีคำกล่าวว่าใครมาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือนสมิหลาก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา อีกทั้งบริเวณหาดยังมีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียง นั่นก็คือ รูปปั้นนางเงือกทอง ที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายภาพเก็บไว้ บรรยากาศโดยรอบของชายหาดเต็มไปด้วยความเงียบสงบ มีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย รวมทั้งมีกิจกรรมทางน้ำเติมความสนุกให้นักท่องเที่ยว เช่น ขี่ม้า และชายหาดแห่งนี้ยังสามารถลงเล่นน้ำทะเลได้เนื่องจากเป็นชายหาดที่ไม่ลาดชัน และมียามรักษาการณ์จากเทศบาลเมืองสงขลาคอยดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งวัน
บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวารวดี ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีห่มผ้าองค์เจดีย์ ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว ภูเขาลูกเล็ก ๆ แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองฯ โดยเขาตังกวนนั้นเป็นเนินเขาสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้มีลานชมวิวเขาตังกวนที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ กลายเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาเยือนสงขลา นอกจากนี้ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวารวดี โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานเงินหลวง ให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุในองค์พระเจดีย์ และในเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโว และลากพระของสงขลา สู่ยอดเขาตังกวน ปัจจุบัน ทำได้ 2 วิธี คือ ขึ้นลิฟต์โดยสารจากจุดบริการลิฟต์โดยสาย ณ บริเวนถนนตัดระหว่างเขาตังกวนและเขาน้อย ค่าบริการ ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็ก 20 บาท โดยเปิดบริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. และในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.00-19.00 น. ขึ้นโดยการเดินขึ้นบันไดฝั่งตรงตะวันตก ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามลิฟต์โดยสาร ตลอดระยะทางมีบันไดหิน สลับกับจุดพักและจุดชมวิวเป็นช่วง ๆ ที่ตั้ง : อำเภอเมืองฯ จังหวัดสงขลา เขาตังกวนตั้งอยู่ในตัวเมืองสงขลาใกล้กับหาดสมิหลา สามารถนั่งรถโดยสารแดง หรือรถตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์ ที่ให้บริการอยู่ในตัวเมือง
วัดแหลมพ้อ หรือวัดพระนอนวัดแหลมพ้อสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีพระครูทิพวาสี (พรหมแก้ว) จากวัดท้ายยอมาดำนินการก่อสร้าง และเนื่องจากในพื้นที่บริเวณวัดเป็นแหลมยื่นออกไปอีกทั้งมีต้นพ้ออยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกชื่อวัดกันต่อมาว่า “วัดแหลมพ้อ” ถือเป็นวัดเก่าแก่กว่า 200 ปี ครั้งหนึ่งในอดีตพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ทรงประพาสทางน้ำขึ้นที่ท่าเรือหน้าวัด อีกทั้งมีประติมากรรมที่เก่าแก่ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าสงขลา จุดแลนด์มาร์คและจุดถ่ายรูปสุตฮิตของเมืองสงขลา อิสระให้ท่ายได้ถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจไม่ว่าจะเป็นตึกโบราณสถาปัตยกรรมจีนผสมผสานชิโนโปรตุกีส กำแพงสตรีทอาร์ต หับ โห้ หิ้น โรงสีข้าวเก่าแก่สีแดง บ้านนครใน เมืองสงขลา พิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แหล่งรวมของเก่าแก่ ตกแต่งอย่างสวยงาม ประตูเมืองเก่าสงขลา เป็นต้น
จากนั้น นำท่านเดินทางข้ามสะพานติณสูลานนท์ สะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ความยาวของสะพาน 2 ช่วงแรก 940 เมตร และ 1,700 เมตร รวมเป็น 2,640 เมตร ก่อสร้างขึ้นในสมัย ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรองรับการคมนานมทางรถยนต์ โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ระหว่างฝั่งบ้านน้ำกระจาย อ.เมืองสงขลาและบ้านเขาเขียวสู่ เกาะยอ นำท่านกราบนมัสการพระนอน วัดแหลมพ้อ หรือวัดพระนอนวัดแหลม ตั้งอยู่ที่บ้านสวนทุเรียน ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ริมทะเลสาบสงขลา เป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา ประดิษฐาน พระนอนปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พระบาทมีลวดลายภาพศิลปะ ทั้งนี้เนื่องด้วยที่ตั้งวัดอยู่ใกล้ถนนเชิงสะพานติณสูลานนท์ฝั่งเกาะยอ จึงทำให้เป็นสิ่งที่สะดุดตาของผู้ที่ขับรถผ่านไปมา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบินหาดใหญ่
เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 4146 เชื่อมระหว่างทางหลวงหมายเลข 407 สายหาดใหญ่-สงขลา เป็นสะพานที่ชาวสงขลานิยมเรียกกันติดปากว่า "สะพานป๋าเปรม" บ้าง "สะพานติณ" บ้าง หรือ "สะพานเปรม" บ้าง และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัด เพราะเป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ระหว่างฝั่งบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา และบ้านเขาเขียว อำเภอสิงหนคร ความยาวของสะพาน 2 ช่วงแรก 940 เมตร และ 1,700 เมตร ตามลำดับ รวมเป็น 2,640 เมตร ก่อสร้างขึ้นในสมัย ฯ พณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการคมนาคมทางรถยนต์ โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2524 รัฐบาลจึงมีนโยบายพัฒนาจังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ให้เป็นเมืองหลัก โดยมีกรมทางหลวง เป็นเจ้าของโครงการและบริษัทจากไต้หวันเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เปิดให้ใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2527 ที่ตั้ง : อยู่ในอำเภอเมืองสงขลา และอำเภอสิงหนคร สะพานแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 4146 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 4083 (ระโนด-เขาแดง) กับทางหลวงหมายเลข 407 (สงขลา-หาดใหญ่)
- ย่านเมืองเก่าสงขลา
- แหล่งวัฒนธรรมเอเชีย, เมืองสงขลา สงขลา ไทย
ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงามยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิคสไตล์ชิโนโปรตุกีส ศาลเจ้าพ่อกวนอู โรงแรมนางงาม โรงแรมไม้เก่าแก่ประดับลายฉลุไม้วิจิตรบรรจง ย่านเก่าที่จะพาเราย้อนรอยไปสู่ความรุ่งเรืองในอดีตของสงขลาที่เปี่ยมด้วยบรรยากาศของวันวานสุดคลาสสิก และน่าค้นหา โดยครอบคลุมถนนสายสำคัญ 3 สาย ได้แก่ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ที่เคยเฟื่องฟูมากในยุคหนึ่ง และถนนเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของการนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปสู่อดีตที่น่าหลงใหล ณ มุมหนึ่งของสงขลา เดินตามรอยอดีต กล่าวกันว่า เมื่ออดีตราว 200 ปีก่อน ตัวเมืองสงขลาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบเรียกว่า "เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน" จนกระทั่ง พ.ศ. 2385 จึงขยายมาทางฝั่งทิศตะวันออกบริเวณตำบลบ่อยาง เรียกกันว่า "เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง" ซึ่งเริ่มแรกมีถนนสองสายคือถนนนครนอก อันเป็นถนนเส้นนอกที่ติดกับทะเลสาบ และถนนนครในเป็นถนนเส้นในเมือง ต่อมามีการตัดถนนสายที่สามเรียกว่าถนนเก้าห้อง หรือย่านเก้าห้อง เพื่องานสมโภชเสาหลักเมืองต่อมาก็เรียกกันว่าถนนนางงามนั่นเอง การเดินชมย่านเก่า หากค่อย ๆ ลัดเลาะไปตามถนนทั้ง 3 สายนี้ คุณจะพบความคลาสสิกจากห้องแถวไม้แบบจีน ตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีส ศาลเจ้าพ่อกวนอู โรงแรมนางงาม อันเป็นโรงแรมไม้เก่าแก่ประดับลายฉลุไม้วิจิตรบรรจง รวมทั้งยังมีตึกแถวแบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนปะปนอยู่ด้วยกันทั้งสองฟากถนน อาคารหลายหลังมีการปรับปรุงทาสีใหม่แต่ก็ยังคงมีเอกลักษณ์น่าสนใจดุจเดิม ชิมของอร่อยย่านเก่า อีกกิจกรรมหนึ่งที่มาเติมเต็มอารมณ์ชมย่านเก่าเมืองสงขลาได้อิ่มเอมขึ้น ก็คือการได้อิ่มท้องจากขนมอร่อยมากมาย ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ที่มีให้เลือกชมและชิมอย่างเอร็ดอร่อย รวมทั้งของฝากพื้นเมืองให้เลือกซื้อกันอีกด้วย โดยเฉพาะถนนนางงาม หรือถนนเก้าห้องนั้น ละลานตาไปด้วยอาหารคาวหวานท้องถิ่นอันเลื่องชื่อ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งมีทั้งร้านขนมไทย ร้านไอศกรีม ร้านกาแฟโบราณ ร้านซาลาเปา และต้องไม่พลาดโจ๊กเกาะลอย ข้าวสตูร้านเกียดฟั่ง (โกยาว) สตูแบบจีนที่กินคู่กับซาลาเปาร้อน ๆ หรือจะลองก๋วยเตี๋ยวหางหมู ก๋วยเตี๋ยวเป็ด และไส้กรอกสูตรเวียดนาม รวมทั้งขนมสำปันนี ขี้มอด ทองเอก ข้าวฟ่างกวน ขนมเทียนสด ซึ่งเป็นขนมโบราณที่หากินยากในสมัยนี้ แต่คุณจะพบความอร่อยเหล่านั้นบนถนนสายนี้
ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD511
เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง(กรุงเทพฯ) โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ...........
เงื่อนไขในการสำรองที่นั่งและจ่ายเงิน
ในการจองทัวร์กรุณา ชำระค่าทัวร์เต็มจำนวน พร้อมส่งสำเนาบัตรประชาชน หลังจากทำการจองทัวร์ 3 วัน หากไม่ชำระตามที่บริษัทกำหนด ขออนุญาตตัดที่นั่งเพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นที่รอที่นั่งอยู่โดยอัตโนมัติ เมื่อท่านชำระเงินค่าทัวร์เรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯถือว่าท่านยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆที่ได้ระบุไว้ทั้งหมดนี้แล้ว
- ค่ามัดจำท่านละ 4,000 THB
เงื่อนไขการยกเลิกการสำรองที่นั่ง
หากผู้จองยกเลิกการเดินทาง 3 วันก่อนการเดินทาง ไม่สามารถเปลี่ยนผู้เดินทางได้ทุกกรณี
หากผู้จองต้องการยกเลิกการเดินทาง ต้องการเปลี่ยนผู้เดินทางแทน แต่แจ้งหลัง 7 วันก่อนการเดินทาง มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผู้เดินทาง 2,000 บาท / ตั๋ว 1 ใบ
ผู้จองต้องการยกเลิกการเดินทาง และสามารถหาผู้เดินทางมาแทนได้ โดยต้องแจ้งทางบริษัทล่วงหน้าพร้อมสำเนาหน้าบัตรประชาชนของผู้เดินทางแทน ก่อนการเดินทาง 7 วันทำการ (ไม่นับรวมเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุด) สามารถเปลี่ยนผู้เดินทางได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เนื่องจากราคาทัวร์นี้เป็นราคาโปรโมชั่น เมื่อจองและชำระเงินแล้ว ไม่สามารถยกเลิก,เลื่อน,เปลี่ยนผู้เดินทาง,ขอคืนเงินทุกกรณี และเมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่งหรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น
อัตราค่าบริการนี้รวม
ค่ารถบัสปรับอากาศไป-กลับ และนำเที่ยวตามรายการที่ระบุ
ค่าโรงแรมที่พักตามที่ระบุในรายการ พักห้องละ 2 ท่าน
ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ
ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นคอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง วงเงินท่านละ 500,000 - 1,000,000 บาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ตามที่ระบุ พร้อมน้ำหนักกระเป๋าโหลดสัมภาระ 10 กิโลกรัม กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง 7 กิโลกรัม
ค่ารถนำเที่ยวตามรายการที่ระบุ
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์ทางไกล ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซักรีด ค่ามินิบาร์ในห้อง รวมถึงค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ(กรุณาสอบถามจากหัวหน้าทัวร์ก่อนการใช้บริการ)
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ (สามารถชำระเงินหน้างานได้เลยค่ะ)
ค่าทัวร์ไม่รวมค่าทิปมัคคุเทศก์และคนขับรถ ท่านละ 300 บาท/ตลอดการเดินทาง/ต่อท่าน
กรณีผู้เดินทางเป็นชาวต่างชาติ ชำระค่าทัวร์เพิ่ม 1,000 บาท
หมายเหตุ
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางน้อยกว่า 25 ท่าน ราคาและรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
รายการท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจาก ภัยธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่น ปฏิวัติและอื่นๆที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย, การถูกทำร้าย, การสูญหาย, ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ
ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นหากเกิดกรณีความล่าช้าจากการประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯ
หากไม่สามารถไปเที่ยวในสถานที่ที่ระบุในโปรแกรมได้ อันเนื่องมาจากธรรมชาติ ความล่าช้า จะไม่มีการคืนเงินใดๆทั้งสิ้นแต่ทั้งนี้ทางบริษัทฯจะจัดหารายการเที่ยวสถานที่อื่นๆมาให้ โดยขอสงวนสิทธิ์การจัดหานี้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านใช้บริการของทางบริษัทฯไม่ครบ อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ, ไม่ทานอาหารบางมื้อ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทางบริษัทฯได้ชำระค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนแบบเหมาขาดก่อนออกเดินทางแล้ว
ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหายจากการโจรกรรม และ/หรือ เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของตัวนักท่องเที่ยวเอง
มัคคุเทศก์ พนักงาน หรือตัวแทนของทางบริษัท ไม่มีอำนาจในการให้คำสัญญาใดๆ แทนบริษัท เว้น แต่มีเอกสารลงนามโดยผู้มีอำนาจของบริษัทกำกับเท่านั้น
เมื่อท่านตกลงชำระเงินไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับในเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางน้อยกว่า 30 ท่าน ราคาและรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม